REAL HOME CARE
1232
TH
/
EN
REAL HOME CARE
1232
TH
/
EN
Single House
Single House Viranya Rangsit - Wongwaen
Single House Vivaldi Bangna
Single House Viranya Bangna - Suvarnabhumi
Semi-Detached House
Semi detached Sense Bangna - Suvarnabhumi
Town Home
Townhome Stories Rangsit - Wongwaen
Townhome Stories Bangna - Suvarnabhumi
Townhome PLEX Onnut - Wongwaen
Condominium
Condominium A Space Mega 2
Condominium ARLO Sukhumvit 105 - Lasalle
A Space Mega Condominium
Condominium THE STAGE Mindscape RATCHADA - HUAI KHWANG
Condominium AESTIQ Thonglor
Blog
Company Profile
Contact Us
Top
REAL ASSET
BLOG
News
Lifestyle
Event
Trip & Trick
News
REAL ASSET x SIC Hosted Agent Day at A Space Mega 2
DETAIL
Lifestyle
5 Reasons Why Condo at Thonglor is Good for Investment
DETAIL
Event
REAL ASSET Hosts Bloggers at New Pet-Friendly ARLO SUKHUMVIT 105 - LASALLE Project
DETAIL
Tip&trick
Guide to Financing Bangna Single Houses: Bank Loans and Tax Benefits
DETAIL
News
News
DETAIL
0
1945
CACTUS, MINI GARDEN FOR CONDO LIFESTYLE
DETAIL
0
1342
CHANGE YOUR LIFESTYLE TO SAVE YOUR BILL & SAVE POWER
DETAIL
0
8603
บัตรแมงมุม ใบเดียวเชื่อมต่อทุกการเดินทาง
DETAIL
0
1691
วิธีตรวจสัญญาเวลาโอนบ้าน โอนคอนโด
DETAIL
0
1798
บางนา อาณาจักรแห่งความสุข
DETAIL
0
1620
Cool Japanese restaurants with friendly price
0
1945
CACTUS, MINI GARDEN FOR CONDO LIFESTYLE
ความสุขของคนรักบ้าน ไม่ว่าจะเป็นบ้านใหญ่บ้านเล็ก บ้านบนตึกหรือบ้านบนดิน ก็คือการได้ใกล้ชิดธรรมชาติ สายพันธุ์พืชทะเลทรายที่เรียกกันทับศัพท์กันทั่วไปว่า แคคตัส หรือ กระบองเพชร เป็นต้นไม้ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คอนโดได้อย่างลงตัว เพราะเจ้าของห้องไม่ต้องเสียเวลาเยอะแยะมาดูแล เลี้ยงง่าย ไม่ต้องรดน้ำบ่อย ไม่ต้องคอยตัดแต่งกิ่งใบ มีฟอร์มเก๋ ประดุจชิ้นงานศิลปะที่มีชีวิต ทนต่อโรคและแมลงศัตรูพืช มีขนาดกำลังเหมาะ ไม่โตเร็วพรวดพราด ไม่มีดอกใบหรือผลที่ส่งกลิ่นให้เกิดภูมิแพ้ ฯลฯ เวลาที่คุณเอ่ยถึงคำว่ากระบองเพชรหรือแคคตัสในร้านขายต้นไม้ นั่นหมายถึงสายพันธุ์พืชโบราณที่วิวัฒนาการมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ มีความหลากหลายทั้งขนาด รูปทรง และสีสันที่แตกต่างกันทั่วโลกกว่านับร้อยนับพันชนิด ซึ่งหมายความรวมถึง กุหลาบหิน บอระเพ็ด โบตั๋น แม้แต่ต้นแก้วมังกรที่เรานำผลของมันมากินนั่นก็จัดเป็นแคคตัสสายพันธุ์หนึ่ง สายพันธุ์แคคตัสที่คนนิยมเลี้ยง เพราะมีรูปทรงสวยงามน่าดู ได้แก่ แอสโตรไฟตัม จะมีลักษณะเป็นพู ๆ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าดาว บนผิวของมันจึงมีจุดขาว ๆ ประดับอยู่แพรวพรายเหมือนดาวกระจายบนฟ้า แถมยังมีปุ่มหรือดอทสีขาว เรียงเป็นแถวสวยแปลกตา เลี้ยงง่าย โตไว ไร้หนาม มีลายจุดดูน่ารัก ออกดอกง่าย ปลูกไว้สักปีเศษ ๆ พอถึงช่วงหน้าร้อนก็จะเริ่มออกดอก ต้นที่มีลวดลายและดอทที่สวยงามจะทำให้ราคาสูง อิชินอปซิส เป็นแคคตัสแบบทรงกอ น่ารักน่าเอ็นดู มีหนามนุ่ม ๆไม่ต้องกลัวว่าจะตำมือ ดอกของต้นชนิดนี้จะเป็นสีขาว ถ้าอยากจะเห็นดอกของอิชินอปซิสต้องรอ เพราะว่าดอกของมันจะบานสะพรั่งสวยงามแค่ตอนเที่ยงคืน จนถึง 8 โมงเช้า ช้าง หรือ โครีแฟนทา มีลักษณะเป็นหัวเดี่ยวโต ๆ มีหนาม เป็นไม้เพาะเมล็ด ที่แตกออกเป็นมอนส์ รูปทรงจะโตแบบขยับขยายไปเรื่อย ๆ ชวนให้คอยดูว่าจะเปลี่ยนแปลงไปแบบไหน บางต้นก็จะแตกหน่อย่อยออกมาเยอะแยะ ดิสโก้ หรือ ดิสโก้แคคตัส มีลักษณะเป็นหัวเดี่ยว ๆ แต่มีหนามฟูกระจายน่ารักเต็มต้น เป็นหนามที่ไม่แข็ง ไม่ต้องกลัวว่าแทงมือแล้วจะเจ็บ เลี้ยงไปนาน ๆ จนออกดอกจะมีกลิ่นหอม ผลิบานตอนกลางคืนจนรุ่งสาง ยิมโนหัวสี หรือ ยิมโนคาไลเซียม สายพันธุ์นี้ราคาไม่แพง แต่สีสันสวยสดใส คนนิยมกันมาก ต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่าจะออกดอก และต้องดูแลอย่ารดน้ำเยอะเกินไป แต่พอได้เห็นดอกสวย ๆ ก็หายเหนื่อย การเลี้ยงแคคตัสแบบเบสิค ไม่ต้องทุ่มเทอะไรมากไปกว่าการรดน้ำสัปดาห์ละ 2 - 3 ครั้ง และใส่ปุ๋ยสักเดือนละครั้ง ให้ได้รับแสงบ้างสักวันละ 4 - 5 ชั่วโมง จะเป็นแสงธรรมชาติหรือแสงไฟในห้องก็ได้ ระวังเรื่องการระบายน้ำให้ดี อย่ารดน้ำเยอะจนมีน้ำขังเฉอะแฉะ และอย่าลืมทิ้งไว้นานจนแห้ง แคคตัสของคุณก็จะมีชีวิตรอดอย่างสบาย ๆ ไม่เรียกร้องอะไรไปได้นานหลายเดือน แต่จะมีเปลี่ยนรูปร่างหรือเปลี่ยนขนาดไปบ้างตามธรรมชาติ หากคิดจะเลี้ยงแบบจริงจัง ก็ค่อยหาความรู้เกี่ยวกับสายพันธุ์ต่าง ๆ เพิ่มเติม หาดินและปุ๋ยที่ถูกกับชนิดของแต่ละสายพันธุ์มาปลูก และหากระถางงาม ๆ มาตกแต่งให้ดูมีคุณค่า นอกจากนี้ แคคตัส ยังเป็นไม้มงคล จนมีคำกล่าวว่า ถ้าผู้ใดปลูกต้นกระบองเพชรให้เกิดดอกได้มากและสวยงาม แสดงว่าผู้นั้นจะมีโชคลาภ ดังนั้นคนไทยโบราณจึงถือว่ากระบองเพชรเป็นไม้เสี่ยงทาย เชื่อกันว่าสามารถป้องกันศัตรูจากภายนอกได้ เพราะเป็นพืชมีหนามและความคงทนแข็งแรง โดยการปลูกให้ถูกหลักความเชื่อแบบไทย นิยมปลูกไว้ทางทิศตะวันตก และควรปลูกในวันเสาร์ ตามที่โบราณเชื่อกันว่าการปลูกไม้เพื่อเอาคุณทั่วไปให้ปลูกในวันเสาร์ ซึ่งก็ฟังดูสมเหตุสมผลดีสำหรับยุคนี้ เพราะวันอื่นเราต้องไปทำงาน คงไม่มีเวลาว่างปลูกอะไรเป็นแน่แท้ ดั้งนั้น เสาร์นี้ถ้าคุณคิดจะจัดสวนสวย ๆ ในคอนโด ก็ลองพิจารณาแคคตัสฟอร์มเก๋ ๆมาเป็นหนึ่งในสมาชิกของสวนดูบ้าง นอกจากจะได้ชื่นชมธรรมชาติแปลกตาแล้ว ยังอาจทำให้ดวงดีมีโชคลาภ เสริมดวงอีกด้วย ------------------------------------------ ชมข้อมูลบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม โฮมออฟฟิศ คอนโดมิเนียม เพิ่มเติมได้ที่ Website : www.realasset.co.th Facebook : www.facebook.com/RealAssetDevelopment Instagram : www.instagram.com/realasset.development/ LINE@ : @realasset Call Center : 1232
0
1342
CHANGE YOUR LIFESTYLE TO SAVE YOUR BILL & SAVE POWER
ค่าไฟเป็นค่าใช้จ่ายประจำที่ขาดไม่ได้สำหรับทุกคนที่มีบ้าน และเป็นรายจ่ายที่ดูเหมือนว่าจะไม่มีวันลดลง มีแต่จะเพิ่มขึ้น ทั้งที่รอบตัวเราก็มีแต่โฆษณาเกี่ยวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าทันสมัยที่ช่วยประหยัดพลังงาน และเราก็อุตส่าห์ลงทุนซื้อหามาใช้มากมาย แต่บิลค่าไฟก็ยังพุ่งกระฉูด จะทำอย่างไร เรามีคำตอบง่าย ๆ สำหรับการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์เพื่อลดค่าไฟ ประหยัดการใช้พลังงานมาฝากกันค่ะ เลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดที่ได้มาตรฐาน รับรองว่ามีประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นแอร์ ตู้เย็น หลอดไฟ พัดลม เครื่องครัว ฯลฯ และใช้อุปกรณ์ที่มีคุณภาพมาตรฐาน ซึ่งอุปกรณ์ประหยัดไฟฟ้าเหล่านี้จะมีฉลากเบอร์ 5 ที่เราคุ้นตากันดี ปิดสวิตช์ไฟ และเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดเมื่อเลิกใช้งาน สร้างให้เป็นนิสัยในการดับไฟทุกครั้งที่ออกจากห้อง ปิดเครื่องปรับอากาศทุกครั้งที่จะไม่อยู่ในห้องเกิน 1 ชั่วโมง สำหรับเครื่องปรับอากาศทั่วไป และ 30 นาที สำหรับเครื่องปรับอากาศเบอร์ 5 ตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ 25 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่กำลังสบาย อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น 1 องศา ต้องใช้พลังงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 5-10 ควรปลูกต้นไม้เพื่อช่วยบังแดดข้างบ้านหรือเหนือหลังคา เพื่อเครื่องปรับอากาศจะไม่ต้องทำงานหนักเกินไป รวมถึงปลูกพืชคลุมดินเพื่อลดการสะท้อนความร้อนจากพื้นเข้าสู่อาคาร ถ้าอากาศไม่ร้อนมาก ควรเปิดพัดลมแทนเครื่องปรับอากาศ และในช่วงฤดูที่อากาศดี ควรเปิดหน้าต่างรับลมธรรมชาติบ้าง จะได้ลดการใช้แอร์ หมั่นทำความสะอาดหลอดไฟ เพราะจะช่วยเพิ่มแสงสว่างโดยไม่ต้องใช้พลังงานมากขึ้น ควรทำอย่างน้อย 4 ครั้งต่อปี หมั่นทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศของเครื่องปรับอากาศบ่อย ๆ เพื่อลดการเปลืองไฟในการทำงานของเครื่องปรับอากาศ จัดบ้านให้โปร่งโล่งเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่เสมอ ทิ้งของที่ไม่จำเป็นไปให้หมดเพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมความร้อน และปิดกั้นช่องทางการระบายอากาศ เลือกตกแต่งและทาสีภายในห้องด้วยโทนสีสว่าง เพื่อช่วยเพิ่มการสะท้อนแสง และมีการเปิดหน้าต่างรับแสงธรรมชาติบ้าง ในทิศที่ไม่โดนความร้อน ลดการใช้แสงสว่างจากหลอดไฟ แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่โปร่งสบาย เพื่อให้ระบายอากาศได้ดี ไม่ร้อน ลด ละ เลี่ยง การใส่เสื้อสูท เพราะไม่เหมาะสมกับสภาพอากาศเมืองร้อน สิ้นเปลืองการตัด ซัก รีด และลดการเปิดแอร์ การใช้เครื่องซักผ้า ควรใส่ผ้าให้เต็มกำลังของเครื่อง เพราะซัก 1 ตัวกับซัก 20 ตัว ก็ต้องใช้น้ำในปริมาณเท่า ๆ กัน ใช้เตาแก๊สหุงต้มอาหาร ประหยัดกว่าใช้เตาไฟฟ้า หลีกเลี่ยงการติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้า ที่ต้องมีการปล่อยความร้อน เช่น กาต้มน้ำ หม้อหุงต้ม ไว้ในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศ อย่าเปิดคอมพิวเตอร์ทิ้งไว้ถ้าไม่ใช้งาน ติดตั้งระบบลดกระแสไฟฟ้าเข้าเครื่องเมื่อพักการทำงาน จะประหยัดไฟได้ร้อยละ 35 - 40 และถ้าหากปิดหน้าจอทันทีเมื่อไม่ใช้งาน จะประหยัดไฟได้ร้อยละ 60 ซ่อมบำรุงอุปกรณ์ไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ และหมั่นทำความสะอาดเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่เสมอ จะทำให้ลดการสิ้นเปลืองไฟได้ การปรับเปลี่ยนรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวันเหล่านี้ เป็นเรื่องที่ทุกคนทำได้ไม่ยาก และบ่อยครั้งที่อาจละเลยหรือเผลอมองข้าม ทำให้เม็ดเงินของเราไหลทิ้งไปกับค่าไฟโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งถ้าทำได้ นอกจากจะช่วยประหยัดค่าไฟแล้ว ยังช่วยชาติประหยัดพลังงาน และช่วยรักษ์โลกอีกด้วย ------------------------------------------ ชมข้อมูลบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม โฮมออฟฟิศ คอนโดมิเนียม เพิ่มเติมได้ที่ Website : www.realasset.co.th Facebook : www.facebook.com/RealAssetDevelopment Instagram : www.instagram.com/realasset.development/ LINE@ : @realasset Call Center : 1232
0
8603
บัตรแมงมุม ใบเดียวเชื่อมต่อทุกการเดินทาง
สัปดาห์นี้อัพเดทความไฮเทคยุค “สังคมไร้เงินสด” กับ “บัตรแมงมุม” ใช้สำหรับการเดินทาง ว่าจะง่ายและสะดวกแค่ไหนไปดูกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เชิญชวนประชาชนและภาคธุรกิจหันมาชำระเงินโดยใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือผ่านทางสมาร์ทโฟน มีเป้าหมายให้สังคมไทยก้าวสู่ “สังคมไร้เงินสด” มากขึ้น เพื่อความสะดวกสบาย และปลอดภัยไม่ต้องกลัวถูกฉกชิงวิ่งราว สนองนโยบายไทยแลนด์ 4.0 แน่นอนทุกองคาพยพต้องผลักดันไปสู่เป้าหมาย ซึ่ง “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” หรือ “บัตรคนจน” ก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่ใช้แทนเงินสดในการลดค่าครองชีพของประชาชน ได้แก่ ช่วยลดราคาค่าแก๊ส ช่วยเหลือค่าเดินทาง เช่น ขึ้นรถเมล์ฟรีได้เดือนละ 500 บาท แบบว่าไม่ต้องแจกเงินสดๆ แค่ใส่มูลค่าในบัตรให้ไปรูดปี๊ด!! ล่าสุด สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข. หน่วยงานใต้สังกัด กระทรวงคมนาคม ได้จัดงานสื่อมวลชนสัมพันธ์การดำเนินงานบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมเพื่อเปิดตัว “ตั๋วร่วม” อย่างเป็นทางการ นิยามของตั๋วร่วม...คือ ตั๋วใบเดียวที่จะนำมาใช้เป็นบัตรโดยสารได้ทุกระบบการเดินทาง ซึ่งในต่างประเทศใช้ระบบตั๋วร่วมมานานหลายปีแล้ว สนข. ได้จัดประกวดให้ตั้งชื่อตั๋วร่วมชิงรางวัลกันด้วย โดยชื่อที่ได้รับการคัดเลือก คือชื่อที่เรียกง่ายๆ แต่สื่อความหมายดีมากๆ ว่า “บัตรแมงมุม” เปรียบระบบการขนส่งทุกโหมดเดินทางทั้งรถเมล์ รถไฟฟ้า รถไฟ เรือโดยสารรวมทั้งทางด่วนเป็นโครงข่ายใยแมงมุมที่ใช้บัตรใบเดียวเชื่อมโยงทุกการเดินทางนอกจากความสะดวกสบายแค่พก “บัตรแมงมุม” ใบเดียว ใช้เดินทางได้ทุกโหมด ไม่เสียเวลาแลกเหรียญหรือแลกตั๋วโดยสาร ไม่ต้องกลัวตั๋วหายแล้ว บัตรแมงมุมจะมีส่วนลดค่าโดยสารให้ด้วยโดยในอนาคตจะลดค่าแรกเข้าระบบ เช่น จากรถไฟฟ้าบีทีเอสต่อรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ทีสายสีน้ำเงิน (หัวลำโพง-บางซื่อ) หรือรถไฟฟ้าสีม่วง (บางใหญ่-คลองบางไผ่) ซึ่งเป็นคนละสายหรือเป็นคนละระบบกัน ก็จะยกเว้นค่าแรกเข้าให้ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ที่สำคัญยังช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ ได้ด้วย หากสามารถดึงดูดประชาชนใช้ระบบขนส่งมวลชนมากขึ้น อีกทั้งการแตะบัตรผ่านทางด่วน จะช่วยลดปัญหารถติดขัดหน้าด่านจากการทอนเงิน “บัตรแมงมุม” มี 3 ประเภท คือบัตรบุคคลทั่วไปสีน้ำเงิน บัตรนักเรียน/นักศึกษาสีเทา และบัตรผู้สูงอายุสีทอง เพื่อแยกส่วนลดของแต่ละวัย มีค่ามัดจำและธรรมเนียมประมาณ 150 บาท ช่วงแรกจะพิจารณาลดค่ามัดจำเหลือ 50 บาท หรือยกเว้นให้ ในหลักการสามารถเติมเงินในบัตรได้สูงสุด 10,000 บาท กรณีบัตรหายสามารถขออายัดวงเงินได้ เป็นรายละเอียดคร่าวๆ ที่ นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ผู้อำนวยการ สนข. สแกนถึงบัตรแมงมุม ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา มีมติให้กระทรวงคมนาคมเร่งดำเนิน “โครงการตั๋วร่วม” โดยเฉพาะการจัดตั้งบริษัทจัดการและบำรุงรักษาระบบตั๋วร่วม (CTC) ระยะแรกให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ที่ดูแลโครงข่ายรถไฟฟ้ารับผิดชอบก่อน จากนั้นต้องจัดตั้งบริษัทอย่างเป็นทางการที่มีเอกชนผู้ให้บริการทุกรายเข้าร่วมถือหุ้นภายในเดือน ก.ค.61 รฟม. จะนำรายละเอียดเสนอคณะกรรมการหรือบอร์ดพิจารณาเร็วๆ นี้ จากนั้นจะลงนามบันทึกข้อตกลงหรือเอ็มโอยู (MOU) กับบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีอีเอ็ม และบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี เพื่อเจรจาเงื่อนไขการติดตั้งระบบตั๋วร่วมบนรถไฟฟ้าต่อไป นายชัยวัฒน์ บอกข่าวดีด้วยว่าขณะนี้ สนข. ได้จัดเตรียม “บัตรแมงมุม” ล็อตแรกไว้แล้ว 2 แสนใบ อยู่ระหว่างเซ็นระบบข้อมูล เตรียมแจกประชาชนทดลองใช้ฟรีปลายปีนี้ ดีเดย์กับรถเมล์องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ที่กำลังติดตั้งระบบตั๋วอัตโนมัติหรืออีทิคเก็ต (E-Ticket) ในรถร้อน 800 คัน ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 ก.ย.นี้ เพื่อรองรับการใช้ “บัตรคนจน” ที่จะได้สิทธิ์ขึ้นรถเมล์ฟรี 800 คัน คนละ 500 บาทต่อเดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. นี้ ดังนั้น “บัตรคนจน” ก็ถือว่ามีรูปแบบคล้าย “ตั๋วร่วม” ที่ประชาชนได้ประเดิมใช้กันไปก่อน นายชัยวัฒน์ กล่าวต่อว่า สนข. มีแผนเปิดจำหน่ายบัตรแมงมุมตามจุดต่างๆ เช่น สถานีรถไฟฟ้า ป้ายรถเมล์ ร้านสะดวกซื้อ เพื่อให้เข้าถึงได้ง่าย การใช้งานบัตรแมงมุมระยะ (เฟส) แรก คือปลายปีนี้กับรถเมล์ ขสมก.ที่ติดตั้งอีทิคเก็ตแล้วเสร็จ 800 คัน และจะเพิ่มเป็น 2,600 คัน รวมถึงรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ และรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-คลองบางไผ่ ในเดือน มี.ค. 61 ส่วนรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน หัวลำโพง-บางซื่อและรถไฟฟ้าสายสีเขียวหรือบีทีเอสประมาณเดือน มิ.ย.-ก.ค. 61 เพราะต้องรอเชื่อมระบบ จากนั้นจะเริ่มพัฒนาในเฟส 2 ให้ใช้งานได้ราวปี 62 กับทางด่วนและมอเตอร์เวย์ เรือด่วนเจ้าพระยา และเรือคลองแสนแสบ ส่วนรถไฟมีระบบการซื้อตั๋วแตกต่างกับขนส่งประเภทอื่นๆ จึงรอการพัฒนาต่อไป นอกจากนี้ยังเจรจากับผู้ประกอบการนอกภาคขนส่งเช่น เครือซีพีผู้บริหารร้านสะดวกซื้อเซ่เวนฯ เดอะมอลล์ เครือเซ็นทรัลและธนาคารต่างๆ ให้เข้าร่วมโครงการในหลายรูป เช่น ให้บริการเต็มเงิน ใช้บัตรแมงมุม ใช้ซื้อสินค้าและบริการต่างๆ ได้ด้วย ….“บัตรแมงมุม” มาแล้ว ตั๋วใบเดียวง่ายทุกการเดินทางและการจับจ่าย แต่จะตอบโจทย์ประชาชนหรือไม่?? ต้องติดตามกัน ที่มา : dailynews, reviewyourliving ------------------------------------------ ชมข้อมูลบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม โฮมออฟฟิศ คอนโดมิเนียม เพิ่มเติมได้ที่ Website : www.realasset.co.th Facebook : www.facebook.com/RealAssetDevelopment Instagram : www.instagram.com/realasset.development/ LINE@ : @realasset Call Center : 1232
0
1691
วิธีตรวจสัญญาเวลาโอนบ้าน โอนคอนโด
อสังหาริมทรัพย์ประเภทบ้านหรือคอนโด เป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่า การทำธุรกิจประเภทนี้จึงต้องมีเรื่องของกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง ตัวอย่างเช่นเมื่อมีการซื้อขาย ในทางกฎหมายกำหนดให้ต้องทำนิติกรรมเป็นหนังสือและจดทะเบียนการได้มาอย่างถูกต้อง ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้มีวิธีตรวจสอบอย่างไร บทความนี้มีคำตอบค่ะ บ้านหรือคอนโดมิเนียม ถือเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเมื่อมีการซื้อขายในทางหมายกำหนดให้ต้องทำนิติกรรมเป็นหนังสือหรือเป็นลายลักษณ์อักษรไว้อย่างชัดเจน แต่ก่อนที่จะศึกษาหรือทำความเข้าใจกับวิธีตรวจสัญญาเวลาโอนบ้านหรือโอนคอนโด ทั้งในกรณีซื้อไว้เพื่อการลงทุนหรือเพื่อเป็นที่อยู่อาศัย ต้องเข้าใจขั้นตอนการซื้อขายและส่วนประกอบของสัญญาซื้อขายอย่างเข้าใจเสียก่อน ความแตกต่างระหว่างสัญญาซื้อขายกับสัญญาจะซื้อจะขาย การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ มีสัญญาสองรูปแบบ ได้แก่ สัญญาซื้อขายและสัญญาจะซื้อจะขาย ทั้งสองรูปแบบใช้แตกต่างกัน ดังนี้ 1. หนังสือสัญญาซื้อขาย กรณีซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมเป็นเงินสดหรือจ่ายเงินกันเบ็ดเสร็จ ซึ่งบ้านหรือคอนโดเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่กฎหมายกำหนดให้ต้องทำเป็นหนังสือ และหนังสือสัญญาที่ทำขึ้นนั้นจะมีผลสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อได้ทำการจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานเรียบร้อยแล้ว กรณีทำสัญญาซื้อขายโดยไม่ได้ทำการจดทะเบียนผลทางกฎหมายจะถือว่าสัญญาเป็นโมฆะ ไม่มีผลผูกพันทันที กรณีมีการชำระเงินกันแล้วผู้ซื้อผู้ขายต้องคืนเงินให้แก่กัน 2. หนังสือสัญญาจะซื้อจะขาย เป็นการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์เช่นเดียวกับกรณีแรก แต่มีข้อกำหนดหรือได้ระบุว่าจะไปทำการโอนบ้านหรือคอนโดกันภายหลังจากวันที่ทำสัญญา และผู้ซื้อผู้ขายได้ตกลงซื้อขายโดยการวางเงินมัดจำไว้เป็นบางส่วน การทำสัญญาจะซื้อจะขายไว้ ย่อมเป็นการปกป้องสิทธิทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย หากมีการผิดนัดไม่ชำระส่วนที่เหลือหรือไม่มีการส่งมอบบ้านและคอนโด เมื่อเกิดเป็นคดีความการพิสูจน์ในชั้นศาลหากมีหลักฐานย่อมปกป้องผลประโยชน์ได้ดีกว่า ส่วนประกอบของสัญญา โดยทั่วไปสัญญาซื้อขายหรือสัญญาจะซื้อจะขายอสังหาริมทรัพย์ มีส่วนประกอบ 10 ส่วน ดังนี้ 1. รายละเอียดการจัดทำสัญญา เป็นข้อมูลวันเวลาที่มีการทำสัญญาขึ้น รวมไปถึงสถานที่ที่มีการจัดทำสัญญา 2. รายละเอียดของคู่สัญญา จะประกอบไปด้วย 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งคือผู้จะซื้อ และอีกฝ่ายคือผู้จะขาย โดยจะใช้รายละเอียดตามที่แสดงในบัตรประชาชนซึ่งสำเนาบัตรประชาชนจะเป็นเอกสารแนบท้ายสัญญา 3. รายละเอียดอสังหาริมทรัพย์ เป็นรายละเอียดของอสังหาริมทรัพย์ที่ตกลงซื้อขาย 4. ราคาขายและรายละเอียดการชำระเงิน ระบุว่าคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในราคาเท่าไร จ่ายเงินในครั้งเดียวหรือมีการวางมัดจำ แบ่งการชำระเป็นกี่งวด ชำระเมื่อไร เป็นต้น 5. รายละเอียดการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ คือการระบุวันที่ซึ่งจะให้มีการทำสัญญาซื้อขายและจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ขึ้น อีกทั้งมีการกล่าวถึงเรื่องค่าใช้จ่ายในการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ เช่น ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ ค่าอากร ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ ค่านายหน้า รวมไปถึงภาษีหัก ณ ที่จ่าย โดยกำหนดอย่างชัดเจนว่าฝ่ายผู้จะซื้อจะต้องรับผิดชอบในส่วนบ้างและรับผิดชอบเท่าไร 6. รายละเอียดการส่งมอบ ในส่วนนี้จะระบุว่าผู้จะขายจะส่งมอบบ้านหรือคอนโดให้กับผู้จะซื้อภายในระยะเวลากี่วันหลังจากมีการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ 7. การโอนสิทธิและคำรับรองของผู้จะขาย เช่น คำรับรองของผู้ขาย ว่าอสังหาริมทรัพย์ที่จะขายนั้นไม่มีภาระผูกพันใด ๆ 8. การผิดสัญญาและการระงับสัญญา จะกล่าวถึงการบังคับใช้ของสัญญาซื้อขายว่าจะเกิดผลต่อคู่สัญญาอย่างไรเมื่อฝ่ายหนึ่งผิดสัญญา 9.ข้อตกลงและเงื่อนไขอื่น ๆ คือข้อตกลงเพิ่มเติมที่คู่สัญญาตกลงกันไว้ล่วงหน้าเพื่อเป็นทางออกในกรณีที่มีปัญหาเกิดขึ้น 10. การลงชื่อของคู่สัญญาและพยาน การลงชื่อของผู้ซื้อและผู้ขายลงในสัญญาฯ พร้อมทั้งพยานอีกฝ่ายละ 1 คนร่วมลงชื่อรับทราบโดยสัญญาจะซื้อจะขายจะทำขึ้น 2 ฉบับและมีข้อความถูกต้องตรงกัน มอบให้คู่สัญญาฯ เก็บไว้ฝ่ายละ 1 ฉบับ เมื่อศึกษารายละเอียดของสัญญาและขั้นตอนการซื้อขายอย่างเข้าใจ วิธีตรวจสัญญาเวลาโอนบ้านโอนคอนโด ก็เป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายขึ้น ที่มา : Homezoomer ------------------------------------------ ชมข้อมูลบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม โฮมออฟฟิศ คอนโดมิเนียม เพิ่มเติมได้ที่ Website : www.realasset.co.th Facebook : www.facebook.com/RealAssetDevelopment Instagram : www.instagram.com/realasset.development/ LINE@ : @realasset Call Center : 1232
0
1798
บางนา อาณาจักรแห่งความสุข
ย่านที่คนมักจะมองผ่านเลยไปด้วยภาพลักษณ์ที่เป็นโซนอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ แต่ตอนนี้บางนากำลังจะเปลี่ยนไป ด้วยโครงการเก๋ ๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้บางนากลายเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความสุขและสนุกแห่งใหม่ของคนเมือง 1. เสพศิลป์งานคราฟต์ – Atelier Rudee Atelier Rudee ตั้งอยู่ในซอยหมู่บ้านนภาลัย สุขุมวิท 70 Atelier Rudee (แอท’เทลเย ฤดี) สตูดิโอชื่อแปลกที่นำเสนอเวิร์คชอปไม่เหมือนใครมาให้ลองลงมือทำ ทั้งการสร้างเครื่องประดับโลหะ พื้นฐานการลงยาสี และการสร้างชิ้นงานขี้ผึ้ง ตั้งอยู่ในซอยหมู่บ้านนภาลัย สุขุมวิท 70 ลง BTS บางนา ทางออก 4 ที่นี่ไม่ได้สอนแค่เพียงภาคปฏิบัติและภาคทฤษฎีเท่านั้น แต่ยังกระตุ้นให้ผู้ที่เข้าร่วมเวิร์คชอปรู้จักแปรเปลี่ยนจินตนาการให้กลายเป็นชิ้นงาน ด้วยความเชื่อว่างานออกแบบที่ดีมีต้นกำเนิดมาจากความคิดสร้างสรรค์ ใครอยากได้เครื่องประดับโลหะเก๋ๆ สักชิ้น ต้องมาลอง! ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น โทร : 082 326 1309 Facebook : Atelier Rudee 2. พลิ้วไหวตามเสียงเพลง – The Artists Dance Studio The Artists Dance Studio ตั้งอยู่โครงการ The Coast Bangkok BTS บางนา หลายคนมองว่าความสัมพันธ์ของคนเมืองฉาบฉวย ด้วยความที่ต้องเร่งทำงาน เร่งเดินทางแข่งกับเวลา ทำให้ละเลยการทำกิจกรรมร่วมกัน แต่ที่ The Artists Dance Studio ศูนย์รวมความฝัน ความบันเทิง และกิจกรรมผ่อนคลายของคนเมือง มีคลาสสอนเต้นตั้งแต่ Ballet, Jazz Dance, Broadway Jazz, Hip Hop, Street Dance, High Heel Dance, Contemporary Dance รวมทั้งลีลาศและโยคะ ตั้งอยู่โครงการ The Coast Bangkok ลง BTS บางนา ทางออก 2 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10 โมงเช้าถึง 3 ทุ่ม โทร : 095 480 4646 Facebook : The Artists Dance Studio 3. หอมฟุ้งกลิ่นดอกไม้ – Yoltawan Flower Yoltawan Flower ตั้งอยู่มุมถนนแยกลาซาล บนถนนศรีนครินทร์ ในย่านที่คนพลุกพล่าน รถราแข่งกันไปให้ถึงจุดหมายเร็วที่สุด กลับมีบ้านสีขาวสะอาดตาหลังย่อม ตั้งอยู่มุมถนนแยกลาซาล บนถนนศรีนครินทร์ ประหนึ่งอยู่ในสวนอังกฤษ Yoltawan Flower คือร้านจัดดอกไม้สด ดอกไม้ประดิษฐ์ ช่อดอกไม้ แจกันดอกไม้ กระเช้าดอกไม้ และมีมุมคาเฟ่บริการกาแฟและขนมหวานพร้อมสรรพ ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 7 โมงเช้าถึง 1 ทุ่มครึ่ง โทร : 094 654 4466, 096 921 9191 Facebook : ร้านดอกไม้ Yoltawan Flower&Decoration 4. คลังดนตรี – Vinyl Die Hards Vinyl Die Hards ตั้งอยู่ ชั้น 1 อาคาร The Ninth Place ตรงข้ามพาราไดซ์พาร์ค ถนนศรีนครินทร์ ยุคที่สตรีมมิ่งมาแรงแซงแผ่นซีดี เป็นช่วงสมัยที่แค่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ตบนโทรศัพท์มือถือก็สามารถฟังเพลงได้ทุกแนว แต่สำหรับผู้หลงใหลในแผ่นเสียง Vinyl Die Hards คือสวรรค์ของนักล่าแผ่นเลยทีเดียว เป็นคลังแผ่นเสียงยุค 60s 70s 80s ไม่ต่ำกว่าหมื่นแผ่น ขณะเดียวกันก็มีอัลบั้มใหม่ๆ ให้เลือกมากมาย ราคาเป็นมิตร มีเครื่องเล่นให้ทดลองฟัง แถมมีขายทางออนไลน์อีกด้วย ตั้งอยู่ ชั้น 1 อาคาร The Ninth Place ตรงข้ามพาราไดซ์พาร์ค ถนนศรีนครินทร์ ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11 โมงถึง 1 ทุ่มครึ่ง โทร : 02 346 4547 Facebook : Vinyl Die Hards 5. กระบองเพชรในเรือนกระจก – Cactus & Cup Cafe Cactus & Cup Cafe ตั้งอยู่ถนนศรีนครินทร์ แยกลาซาล สาวกหนามน้อยกรี๊ดแน่นอน เพราะ Cactus & Cup Cafe ไม่เพียงแต่เป็นคาเฟ่ขายเครื่องดื่ม แต่ยังเป็นโรงเพาะพืชอวบน้ำขวัญใจชาวฮิปสเตอร์ ภายในแยกเป็น 2 ส่วน คือโซนที่เป็นคาเฟ่สำหรับนั่งพักดื่มกาแฟและชิมขนมหวาน อีกโซนคือเรือนกระจกที่เต็มไปด้วยต้นกระบองเพชร ทั้งเล็กใหญ่หลายขนาด ตั้งเรียงรายน่าชม มีให้เลือกซื้อ เริ่มต้นที่ 35 บาท หรือใครจะแวะมาถ่ายรูปอย่างเดียวเจ้าของร้านก็ยินดี ตั้งอยู่ถนนศรีนครินทร์ แยกลาซาล ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 7 โมงเช้าถึง 1 ทุ่ม โทร : 092 495 6993 Facebook : Cactus & Cup 6. เช็คอินเมืองเหนือกลางกรุง – ร้าน @เชียงใหม่ ร้าน @เชียงใหม่ คาเฟ่เครื่องดื่มขนมปัง ของคนย่านบางนา ว่ากันว่า ใครคิดถึงเชียงใหม่ต้องมาร้าน @เชียงใหม่ คาเฟ่เครื่องดื่มขนมปังที่ไม่ต้องบินไกลขึ้นเหนือ เพราะเสิร์ฟถึงที่สู่คนกรุงย่านบางนา ก่อนถึงโรงพยาบาลศิครินทร์ ซอยลาซาล แค่บรรยากาศร้านก็ฟินเหมือนอยู่เชียงใหม่ ภายในร้านประดับด้วยตุงแบบภาคเหนือ และมีของเก่าสะสมให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนมานั่งอยู่บ้านคุณย่า เสียงใสๆ ของพนักงานกล่าวทักทายด้วยภาษาพื้นเมือง ยิ่งทำให้คิดถึงเวลาไปแอ่วเชียงใหม่ ที่สุดของเมนูห้ามพลาด “ปังหลังมอ” ไส้เนยสดผสมนมข้นหวาน กรอบนอกนุ่มใน อร่อยเด็ด ราคาย่อมเยาว์ ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 7 โมงเช้าถึง 2 ทุ่ม โทร : 092 853 3508 Facebook : Cafe at Chiang Mai 7. ดินแดนแห่งความสนุก – TOTEM KINGDOM TOTEM KINGDOM ตั้งอยู่ในคอมมูนิตี้มอลล์แห่งใหม่ย่านบางนา The Jas Urban ไฮไลท์เด็ดของคอมมูนิตี้มอลล์แห่งใหม่ย่านบางนา The Jas Urban คือสวนสนุกในร่ม TOTEM KINGDOM ที่ยกตัวเองเป็นอาณาจักรแห่งความสนุกแห่งใหม่ ภายในแบ่งเป็น 5 โซน โดยแต่ละโซนจะมีเครื่องเล่นวัดความสามารถต่างกัน และมีมุมพักผ่อนหย่อนใจสำหรับผู้ใหญ่ที่พาเด็กๆ มาเล่นกิจกรรม และมีโซนชอปปิงของเล่นเด็กๆ ให้เราย้อนนึกถึงวันวาน ค่าเข้าผู้ใหญ่ราคาเดียว 100 บาท ส่วนเด็ก ๆ เริ่มต้น 200 - 450 บาท ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10 โมงเช้าถึง 3 ทุ่ม โทร : 093 453 9888 Facebook : Totem Kingdom ที่มา : DDproperty ------------------------------------------ ชมข้อมูลบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม โฮมออฟฟิศ คอนโดมิเนียม เพิ่มเติมได้ที่ Website : www.realasset.co.th Facebook : www.facebook.com/RealAssetDevelopment Instagram : www.instagram.com/realasset.development/ LINE@ : @realasset Call Center : 1232
0
1620
Cool Japanese restaurants with friendly price
อาหารญี่ปุ่นกลายเป็นอาหารต่างชาติอันดับต้น ๆ ที่คนไทยชอบรับประทาน โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ก็มีร้านอร่อยให้เลือกมากมาย แต่จะมีร้านใดบ้างที่รสชาติอร่อย คุณภาพดี และราคาถูก เราได้คัดเลือกมาให้แล้วค่ะ AIKO PREMIUM SUSHI BUFFET AT THE NINE CENTER แม้จะเป็นร้านหน้าตาเรียบ ๆ แต่สำหรับนักกิน ถือว่าเป็นขุมทองลึกลับสำหรับคนชอบซูชิและซาชิมิ ไม่ว่าจะเป็นแซลมอน ทูน่า หอยเชลล์ ที่สำคัญยังมีเมนูเด็ดสุดคุ้มในชุดพรีเมียม คือเนื้อวากิวและฟัวกราส์เสิร์ฟไม่อั้น แถมยังสั่งชาบูมาตบท้ายได้อีกเพื่อความสะใจ ประเภทอาหาร : บุฟเฟ่ต์ - ซาชิมิ ซูชิ ชาบู สุกี้ เทปันยากิ แบบไม่อั้นในเวลา 2 ชั่วโมง ระดับราคา : มี 3 ระดับให้เลือกคือ 330++ บาท, 690++ บาท และ 990++ บาท ที่อยู่ : 999/2 ชั้น 2 เดอะไนน์เซ็นเตอร์ ถนน พระราม 9 สวนหลวง กรุงเทพมหานคร เวลาเปิด - ปิด : ทุกวัน 11.00 - 22.00 น. โทร : 089 - 938 - 1697 เว็บไซต์ : www.facebook.com/Aiko-Premium-Sushi-Buffet-at-The-Nine-Center-พระราม9 HOKKAIDO TSUBOHACHI @ Nihonmachi รสชาติแบบญี่ปุ่นฮอกไกโดแท้ ๆ สไตล์อิซากายะ ที่ยกมาให้อร่อยกันเต็มแรงด้วยราคาไทย ๆ ในพิกัดที่เป็นชุมชนญี่ปุ่นเก๋ไก๋ย่านสุขุมวิท ซึ่งมีเมนูเด็ด ๆ ให้เลือกจุใจ และมีเมนูเครื่องดื่มญี่ปุ่นหลากหลายให้เลือกจิบคู่กัน ได้อารมณ์เหมือนไปนั่งกินที่ญี่ปุ่น (อิซากายะ หมายถึง ร้านกิน - ดื่ม บรรยากาศกันเองไม่หรูหรา ประมาณร้านตึกแถวที่คนทำงานไปนั่งล้อมวงกันหลังเลิกงาน) ประเภทอาหาร : อาหารญี่ปุ่นสไตล์อิซากายะ หมายถึง ร้านกิน - ดื่ม บรรยากาศกันเองไม่หรูหรา ประมาณร้านตึกแถวที่คนทำงานไปนั่งล้อมวงกันหลังเลิกงาน ระดับราคา : 99 - 999 บาท ที่อยู่ : NiHonMaChi Japanese Mall ซ.สุขุมวิท 26 เวลาเปิด - ปิด : จันทร์ - ศุกร์ 17.00 - 00.00 น. / เสาร์ - อาทิตย์ 11.00 - 00.00 น. โทร : 064 - 184 - 7109 เว็บไซต์ : www.facebook.com/TsubohachiTh/ FUKU JAPAN สวรรค์สำหรับคนรักแซลมอน เพราะเสิร์ฟแซลมอนซาชิมิ และซูชิ กันแบบไม่อั้น แถมยังมีรายการซูชิหน้าอื่น ๆ ให้เลือกจนจุใจในราคาจิ๊บ ๆ และถ้าสั่งชุดพรีเมียมก็จะได้อร่อยเพิ่มเติมกับเมนูจากครัวร้อนที่มีให้เลือกหลากหลายเต็มอิ่ม ร้านนี้จัดหน้าตาอาหารดูดีให้เราถ่ายรูปอวด จนอาจโดนเพื่อนอิจฉา ประเภทอาหาร : บุฟเฟ่ต์ - ซาชิมิ ซูชิ และอาหารญี่ปุ่น ระดับราคา : มี 3 ระดับให้เลือกคือ 330++ บาท, 690++ บาท และ 990++ บาท ที่อยู่ : เซ็นเตอร์พอยท์ สยามสแควร์ ชั้น 2 ถนนพระราม 1 ปทุมวัน กรุงเทพฯ เวลาเปิด - ปิด : ทุกวัน 11.00 - 21.30 น. โทร : 02 - 623 - 4200 เว็บไซต์ : www.facebook.com/fukujapan/ KURODA ร้านโดนใจสำหรับคนชอบปลาดิบ มีเมนูซูชิ ซาชิมิให้กินกันอย่างเต็มที่ด้วยราคาเบา ๆ แถมยังมีอาหารอื่น ๆ อีกเพียบไม่ว่าจะเป็นโรลต่าง ๆ รวมทั้งของทอด ของปิ้งย่าง ประเภทอาหาร : บุฟเฟ่ต์ - ซาชิมิ ซูชิ และอาหารญี่ปุ่น กินได้ไม่อั้นในเวลา 2 ชั่วโมง 30 นาที ระดับราคา : 499 บาท ที่อยู่ : เอกมัยซอย 5 ถนนสุขุมวิท 63 เวลาเปิด - ปิด : ทุกวัน 11.30 - 23.00 น. โทร : 02 - 381 - 2544 เว็บไซต์ : www.facebook.com/KurodaRestaurant TADAIMA เหมาะสำหรับคนรักซูชิ ซึ่งจะไม่ต้องสะดุ้งกับราคาที่แตกต่างหลากหลายของซูชิแต่ละประเภท เพราะที่ ทาไดมะ ร้านนี้ขายซูชิทุกคำในราคาเดียวกันหมดคือ 88 บาท คงคอนเซ็ปต์ร้านสไตล์อิซากายะที่เน้นให้คนทำงานแวะกินดื่มในราคาสบาย ๆ ไม่มีค่าเซอร์วิสชาร์จ แถมยังมีบุฟเฟ่ต์แซลมอน มีอาหารมากกว่าร้อยเมนู และถ้าคนชอบดื่มก็จะชอบร้านนี้มาก เพราะเครื่องดื่มให้เลือกนับร้อยชนิด ประเภทอาหาร : ซูชิ, ซาชิมิ และอาหารญี่ปุ่นสไตล์อิซากายะ ระดับราคา : ทุกคำขายในราคาเดียวกัน 88 บาท ที่อยู่ : ตึก Eight ทองหล่อซอย 8 ถนนสุขุมวิท 55 เวลาเปิด - ปิด : 11.00 - 15.30 น. และ 17.00 - 23.00 น. โทร : 02 - 714 - 9883 เว็บไซต์ : www.facebook.com/tadaima88 ------------------------------------------ ชมข้อมูลบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม โฮมออฟฟิศ คอนโดมิเนียม เพิ่มเติมได้ที่ Website : www.realasset.co.th Facebook : www.facebook.com/RealAssetDevelopment Instagram : www.instagram.com/realasset.development/ LINE@ : @realasset Call Center : 1232
<<
<
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
>
>>
เงินผ่อน
เงินกู้
บาท
ปี
%
คำนวณ
เริ่มใหม่
อัตราผ่อนต่อเดือน
บาท
บาท
ปี
%
การคำนวณนี้เป็นการประมาณยอดเงินกู้ได้สูงสุด 35% ของรายได้สุทธิ*
คำนวณ
เริ่มใหม่
อัตราผ่อนต่อเดือน
บาท
เงินกู้
บาท
Real Asset Application