REAL HOME CARE
1232
TH
/
EN
REAL HOME CARE
1232
TH
/
EN
Single House
Single House Viranya Rangsit - Wongwaen
Single House Vivaldi Bangna
Single House Viranya Bangna - Suvarnabhumi
Semi-Detached House
Semi detached Sense Bangna - Suvarnabhumi
Town Home
Townhome Stories Rangsit - Wongwaen
Townhome Stories Bangna - Suvarnabhumi
Townhome PLEX Onnut - Wongwaen
Condominium
Condominium A Space Mega 2
Condominium ARLO Sukhumvit 105 - Lasalle
A Space Mega Condominium
Condominium THE STAGE Mindscape RATCHADA - HUAI KHWANG
Condominium AESTIQ Thonglor
Blog
Company Profile
Contact Us
Top
REAL ASSET
BLOG
News
Lifestyle
Event
Trip & Trick
News
REAL ASSET x SIC Hosted Agent Day at A Space Mega 2
DETAIL
Lifestyle
5 Reasons Why Condo at Thonglor is Good for Investment
DETAIL
Event
REAL ASSET Hosts Bloggers at New Pet-Friendly ARLO SUKHUMVIT 105 - LASALLE Project
DETAIL
Tip&trick
Guide to Financing Bangna Single Houses: Bank Loans and Tax Benefits
DETAIL
News
News
DETAIL
0
1859
BEDROOM ARRANGEMENT FOR YOUR GOOD LUCK & GOOD SLEEP
DETAIL
0
2241
HOW TO BE A SUCCESSFUL REAL ESTATE INVESTOR
DETAIL
0
1345
Choosing Art for Your Home
DETAIL
0
14895
10 Best Bangkok’s Cafés in the Garden
DETAIL
0
6153
ตลาดต้นไม้ใกล้บ้านสำหรับคนรักสวน
DETAIL
0
1420
การตรวจความคืบหน้าการก่อสร้างคอนโดมิเนียม โครงการ เดอะ สเตจ เตาปูน - อินเตอร์เชนจ์
0
1859
BEDROOM ARRANGEMENT FOR YOUR GOOD LUCK & GOOD SLEEP
หากคุณเป็นคนที่ใส่ในเรื่องของโชคลาภ สิริมงคล และการเสริมดวงชะตา คุณย่อมรู้ดีว่า ห้องนอนเป็นส่วนสำคัญของบ้านที่หากจัดได้ถูกหลักความเชื่อแล้ว จะช่วยส่งเสริมดวงชะตา และเพิ่มพูนพลังชีวิตให้อิ่มเอมยิ่งขึ้น ภาพจาก : คอนโดมิเนียม โครงการ ลาวีค สุขุมวิท 57 • การวางเฟอร์นิเจอร์หลัก – สิ่งที่เป็นหลักในห้องนอนคือเตียง คุณอาจปรับเปลี่ยนรูปแบบห้องหรือบ้านที่ซื้อมาไม่ได้มาก แต่สามารถเลือกวางเตียงให้อยู่ในตำแหน่งที่ดีได้ เตียงนอนควรวางในพื้นที่ปิด ไม่เคลื่อนไหว (ตำแหน่งหยิน) โดยควรวางส่วนหัวเตียงให้ชิดผนังด้านใดด้านหนึ่งของห้องเสมอ และพยายามให้ห่างจากประตูหรือหน้าต่างพอสมควร เนื่องจากมีพลังงาน (หยาง) ผ่านเข้าออกตลอดเวลา โดยเฉพาะประตูทางเข้าหลัก และประตูเข้าห้องน้ำ หากเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ก็สามารถหาบังตามากั้นไม่ให้เปิดแล้วเห็นเตียงโดยตรงก็จะช่วยได้ ภาพจาก : ทาวน์โฮม โครงการ เพล็กซ์ วัชรพล • ส่วนของโครงสร้างหรืออุปกรณ์ – พึงหลีกเลี่ยงโครงสร้างที่มีลักษณะเป็นคานไม่ให้มีแนวพาดผ่านส่วนเตียงนอน หรือทางที่ดี ให้เลี่ยงการวางของหนักหรือของเย็นเหนือเตียง ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างถังเก็บน้ำด้านบน หรือแม้กระทั่งตำแหน่งเครื่องปรับอากาศก็ไม่ควรอยู่เหนือเตียงหรือพัดลมเย็นมาโกรกเตียงเต็ม ๆ เพราะนอกจากจะมีการกดทับที่ทำให้อยู่ไม่เป็นสุขแล้ว พลังเย็นจากน้ำ ความชื้น และลมเย็นจะส่งผลในแง่ลบต่อพลังชีวิต อีกทั้งยังไม่ดีต่อสุขภาพผู้อยู่อาศัย ภาพจาก : บ้านเดี่ยว โครงการ วิรัณยา วงแหวน - อ่อนนุช • ตำแหน่งประตูหน้าต่าง – หลีกเลี่ยงการวางตำแหน่งประตูหน้าต่างที่เปิดทะลุตรงถึงกัน เพราะนอกจากจะเป็นทางผ่านของพลังงานที่เร็วและแรงซึ่งไม่เหมาะกับการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขแล้ว ในแง่ของการออกแบบทั่วไปก็ถือว่า ทำให้สูญเสียความเป็นส่วนตัว และอาจมีลมแรงพัดผ่านเข้าออก นำฝุ่นผง เชื้อโรค ยากต่อการควบคุมอุณหภูมิและความชื้นที่ไม่พึงประสงค์จากอากาศภายนอกเข้ามาอีกด้วย • สีสันของห้องนอน – การเลือกสีสันของสิ่งแวดล้อมที่เหมาะกับราศีเกิดจะช่วยเสริมดวงได้ดี รวมถึงสีที่เหมาะกับธาตุของคุณ แต่ไม่ว่าคุณจะเลือกสีใดก็ตาม พยายามเลี่ยงโทนสีที่สว่างจ้า หรือสดใสแสบตา ทำให้เกิดความรู้สึกร้อน หรือจัดจ้าเกินไปเหมือนกลางวัน เพราะห้องนอนที่เสริมดวงและเสริมสุขภาพ ควรมีสีสันให้บรรยากาศสงบผ่อนคลาย โดยสีที่มีลักษณะเข้มหรือสร้างความสลัวจะทำให้ห้องนอนมีความเป็นหยินที่นิ่งลึก เหมาะแก่การนอนหลับที่ดีกว่า ภาพจาก : โฮมออฟฟิศ โครงการ คาสเคด บางนา • ของแต่งบ้าน – หากคุณเลือกได้ควรใช้ของแต่งบ้านทุกชิ้นที่ไม่มีเหลี่ยมคมสำหรับห้องนอน เพราะจะทำให้พลังงานที่ดีไหลวนได้คล่องตัว อีกทั้งยังไม่มีส่วนแหลมคมที่ยื่นมาเป็นอันตรายหากคุณต้องลุกเดินไปมาภายใต้ไฟเพียงสลัว ๆ ในยามค่ำคืน และหลีกเลี่ยงของแต่งบ้านที่มีลักษณะ หรือรูปทรงเหมือนหุ่นหรือรูปเสมือนของคนในห้องนอน เพราะเสี่ยงที่จะเป็นจุดแฝงของพลังที่ไม่พึงประสงค์ อาจจะทำให้คุณตกใจเมื่อตื่นมาเห็นตอนดึก ๆ ทำให้จิตตก และพลอยดวงตกไปด้วย • กระจก – หลีกเลี่ยงการวางกระจกเงา หรือใช้วัสดุที่ทำให้เกิดเงาวูบวาบในตำแหน่งปลายเตียงนอน เพราะกระจกเป็นตัวสะท้อนพลังที่ไม่ดี และห้องนอนสลัว ๆ ที่มีเงาไหววูบวาบอาจทำให้ผู้อยู่อาศัยนอนหลับแบบหวาดระแวง จิตใจไม่สงบสบายเท่าที่ควร • ตำแหน่งการวางสิ่งศักดิ์สิทธิ์ – หลีกเลี่ยงการวางสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือรูปเคารพทุกชนิดไว้ฝั่งปลายเท้าหรือปลายเตียง และทางที่ดี แม้แต่หัวเตียงก็อาจไม่ควรวางหากเป็นเตียงนอนของคู่สามีภรรยา ควรวางในส่วนที่อยู่ใกล้กับประตูทางเข้าออก หรือถ้าจำเป็นก็เอาไว้ในทิศเดียวกับหัวเตียง เพื่อจะได้ไม่หันปลายเท้าไปหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ • รูปภาพ – การเลือกรูปภาพมาติดในห้องนอน ควรหลีกเลี่ยงรูปที่มีพลังบวกหรือลบในตัวเองสูง ๆ เช่น รูปบรรพบุรุษ รูปเทวดานางฟ้า หรือรูปเซียนต่าง ๆ ควรเลือกรูปที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายและมีพลังที่เป็นบวกในระดับกลาง ๆ เช่น รูปธรรมชาติ ทิวทัศน์ ดอกไม้ใบหญ้า หรือรูปสัตว์ที่เป็นมงคล เช่น ปลา เต่า รูปหงส์ หรือรูปนกที่ให้ความรู้สึกสวยงามอ่อนช้อย พลิ้วไหวนุ่มนวล ชวนฝัน ด้วยเคล็ด(ไม่)ลับ ง่าย ๆ เพียงเท่านี้ ก็จะทำให้คุณมีห้องนอนที่เสริมเพิ่งพลังชีวิตและดวงชะตาให้แจ่มจรัส อีกทั้งยังทำให้คุณนอนหลับในทุกค่ำคืนได้อย่างแสนสุขอีกด้วย
0
2241
HOW TO BE A SUCCESSFUL REAL ESTATE INVESTOR
การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์กำลังเป็นทางเลือกที่หอมหวานสำหรับคนรุ่นใหม่ เศรษฐีรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยร่ำรวยมาจากการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เรามาดูกันว่า ขั้นตอนที่นักลงทุนผู้ประสบความสำเร็จทำเหมือน ๆ กันมีอะไรบ้าง 1. วางแผนให้ดีเยี่ยม – ทุกการลงทุนต้องการแผนที่ดี หลายคนพลาดเพียงเพราะมีเงินเย็นเต็มกระเป๋า แต่ดันลงทุนโดยปราศจากการวางแผนที่รัดกุม ทำให้เงินเย็นที่ควรจะงอกเงย กลายเป็นเงินร้อนและหลุดมือไปอย่างน่าเสียดาย การวางแผนลงทุนในอสังหาก็ไม่ต่างกับการวางแผนธุรกิจทั่วไป จึงต้องมีการกำหนดเป้าหมาย วิเคราะห์ความเป็นไปได้ ศึกษาทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง และวางกลยุทธ์อย่างเหมาะสมทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว 2. ศึกษาตลาดอย่างจริงจัง – ตลาดอสังหาริมทรัพย์แต่ละประเภทหรือแต่ละระดับมีเงื่อนไขการลงทุนที่แตกต่างกัน การที่จะเอาชนะตลาดได้ ก็ต้องศึกษารายละเอียดเชิงลึกของตลาดที่ตัวเองลงทุนอยู่ให้เข้าใจทุกองศา จนสามารถคาดเดาทิศทาง และหาโอกาสทำกำไรได้อย่างเป็นรูปธรรม เช่น พฤติกรรมของผู้บริโภค อัตราการเช่า หรือการซื้อขาย อัตราดอกเบี้ย ปัจจัยบวกและลบของตลาดนั้น ๆ 3. ซื่อสัตย์ตลอดกาล – ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนหรือนักธุรกิจประเภทใด เครดิตเป็นเรื่องสำคัญที่สุด โดยเฉพาะเมื่อสินค้าของคุณคืออสังหาริมทรัพย์ที่มีอายุผลิตภัณฑ์ยาวนาน ชื่อเสียงความไว้ใจในผลิตภัณฑ์และตัวผู้ให้เช่าหรือผู้ขายก็ยิ่งต้องมั่นคงยาวนานตามไปด้วย ความซื่อสัตย์อาจไม่นำพากำไรง่าย ๆ มาให้คุณในระยะสั้น แต่จะนำพาความสำเร็จที่ยั่งยืนมาให้อย่างต่อเนื่อง 4. ศึกษาความรู้ให้เชี่ยวชาญเฉพาะทางแบบเจาะลึก – หากคุณเลือกดีแล้วว่า จะลงทุนในตลาดแบบไหน ก็ควรจะศึกษาข้อมูลรายละเอียดในตลาดของคุณแบบเจาะลึกที่สุดไปเลย เช่น คุณมีความสนใจและมีความถนัดในตลาดอสังหาระดับลักชัวรี ก็ควรหาความรู้ระดับลึกให้เกิดเป็นความเชี่ยวชาญ เช่น รู้ว่าแหล่งลูกค้าจะมาจากที่ไหน การตัดสินใจขึ้นอยู่กับปัจจัยใด มีช่องทางที่จะรู้ได้ก่อนใครเมื่อมีโครงการที่น่าลงทุนเข้ามาในตลาด รู้ทำเลศักยภาพในอนาคต รู้วิธีสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินทรัพย์ที่คุณลงทุน และรู้ระเบียบกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง 5. แบ่งผลตอบแทนที่เหมาะสมให้กับผู้ที่นำประโยชน์มาให้ หรือผู้ที่ช่วยแนะนำ – ในการลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อขายหรือปล่อยเช่า แม้จะมีช่องทางอิเลคโทรนิคส์ที่ทันสมัยในการนำเสนอสินค้าของคุณเข้าสู่ตลาด มีช่องทางไฮเทคมากมายที่คุณจะได้รับแจ้งว่า มีโครงการใหม่ ๆ ทำเลใดที่น่าลงทุนเพิ่ม แต่ช่องทางของการมีบุคคล (ที่น่าเชื่อถือ) มาแนะนำหรือบอกต่อแบบปากต่อปากนั้นก็ยังมีศักยภาพสูงสุดเสมอ และคุณก็ไม่ควรมองข้ามการให้ค่าตอบแทนที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่นำผลกำไรดี ๆ มาให้คุณ และมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด 6. ศึกษาหาความรู้ไม่หยุดนิ่ง – นักลงทุนที่ฉลาดต้องติดตามข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อมกับสินทรัพย์ที่ลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ แนวโน้มหรือปัจจัยต่าง ๆ ที่เป็นพื้นฐานของธุรกิจ เพื่อให้พร้อมปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบหรือทิศทางเศรษฐกิจตลอดเวลา รวมถึงความรู้ในแง่ที่เกี่ยวกับรสนิยม ความชอบที่เปลี่ยนไป หรือปัจจัยในการตัดสินใจบริโภคของลูกค้า 7. เข้าใจความเสี่ยงที่ต้องรับมือ – โดยทั่วไปถ้าคุณลงทุนในหุ้นหรือกองทุน ก็จะมีคำเตือนให้ระวังความเสี่ยง แต่ไม่มีคำเตือนสำหรับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ทั้งที่ความจริงก็มีความเสี่ยงมากมายพอกัน หากคุณคิดจะลงทุนในอสังหา คุณก็ต้องศึกษาให้ดีว่า อสังหาโดยรวม และอสังหาที่คุณซื้อเพื่อปล่อยขายหรือเช่านั้น จะมีความเสี่ยงใดบ้าง หากประเมินแล้วว่า เป็นความเสี่ยงที่คุณรับได้ และมีแผนที่ดีในการรับมือกับความเสี่ยงนั้น ก็ลุยได้เต็มที่ แต่ถ้าลงทุนเพราะซื้อตามเพื่อน ไม่ได้คิดอะไรมาก คุณอาจต้องช็อคกับความเสี่ยงในแบบที่คุณไม่ได้คิดไว้เหมือนกัน 8. มีระบบบัญชีที่ดีเยี่ยม – มีหลายคนในโลกนี้ที่ขายอะไรได้เยอะแยะ มีเงินผ่านมือมากมาย แต่พอวัดระดับความมั่งคั่งหรือดูผลประกอบการกันจริง ๆ แล้วปรากฎว่า ไม่ยักรวย เพราะไม่ได้มีระบบบัญชีและการเงินที่รัดกุม ถ้าคุณเริ่มต้นจะเป็นนักลงทุนอสังหาระดับเล็ก ๆ ก็ต้องรู้จักศึกษาข้อมูลเรื่องบัญชี - การเงินให้เข้าใจด้วยตัวเอง เพราะมีรายการค่าใช้จ่ายมากมายที่คุณไม่เข้าใจแฝงอยู่และทำให้เงินได้ที่คุณคิดว่าควรจะเป็นกำไรเยอะแยะนั้นเหลือแค่นิดเดียว เช่น ค่าเสื่อม ค่าส่วนกลาง ค่าธรรมเนียม ค่าซ่อมแซม ภาษี รวมไปถึงค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่น ๆ และถ้าพอร์ตของคุณโตมาก ๆ จนต้องหาผู้ช่วยเก่ง ๆ มาดูบัญชีหลังบ้าน ก็อย่าลืมบวกค่าใช้จ่ายเหล่านี้ไปในต้นทุนของคุณด้วย 9. ใช้ทีมงานหรือผู้ช่วยระดับมืออาชีพ – การลงทุนในอสังหาดูเผิน ๆ เหมือนเป็นเรื่องง่าย หลายคนคิดแค่ดูว่ามีโครงการไหนดี ก็รีบไปซื้อไปจองแล้วก็มาประกาศปล่อยขาย - เช่าในราคาสูงกว่าที่ซื้อมา ทำกำไรสบาย ๆ ไม่เห็นต้องพึ่งใคร แต่ในความเป็นจริง มีรายละเอียดหลายขั้นตอนที่ต้องให้มืออาชีพมาดูแล เช่น ตัวแทนขาย นักกฎหมาย ผู้ออกแบบหรือผู้รับเหมาในกรณีที่คุณต้องปรับปรุงหรือตกแต่งสถานที่ วิธีที่ดีที่สุดที่จะไม่ปวดหัวคือการใช้ผู้ที่มีความสามารถจริง ๆ และคุณควรบวกค่าความสามารถที่เหมาะสมนั้นลงไปในต้นทุนของคุณด้วย 10. สร้างเครือข่ายพันธมิตรที่ส่งเสริมซึ่งกันและกัน – ก๊วนหรือเครือข่ายเป็นสิ่งสำคัญ แม้แต่นักธุรกิจที่ขายของเหมือนกันก็ยังต้องมาจับมือเป็นสมาคมเพื่อเกื้อกูลกัน นักลงทุนอสังหาอย่างคุณก็ต้องการก๊วนพันธมิตรดี ๆ ที่คอยช่วยกันในการพัฒนาความรู้และสนับสนุน เครือข่ายที่ดีไม่เพียงแบ่งปันความรู้ที่ดีแต่ยังอาจช่วยชี้นำทิศที่ดีให้กับคุณได้ด้วย เช่น รู้ว่าทำเลใดมีโอกาส รู้ทันปัจจัยเสี่ยง ฯลฯ หากคุณคิดจะเริ่มลงทุนในอสังหา ไม่ว่าจะขนาดเล็กหรือใหญ่ ก็พิจารณาลองทำตามขั้นตอนเหล่านี้ดู แล้วจะพบว่า ความสำเร็จนั้นไม่ใช่เรื่องเหลือเชื่อ
0
1345
Choosing Art for Your Home
โดยทั่วไปแล้วการแต่งบ้านด้วยงานศิลปะเป็นเรื่องของรสนิยมความชอบส่วนบุคคลล้วน ๆ แต่หากคุณต้องการเลือกสรรงานศิลป์ชิ้นเอกมาประดับตกแต่งบ้าน ให้มีทั้งความสวยงามจรรโลงใจ ได้เพิ่มมูลค่าและคุณค่าให้กับพื้นที่จัดวาง และได้ทั้งชิ้นงานศิลปะที่มูลค่าเพิ่มในตัวเอง นอกเหนือจากเรื่องรสนิยมแล้วก็ต้องมีความรู้มาประกอบด้วย 1. ความชอบและสัญชาตญาณ – ไม่ว่าคุณจะมีเงินมากหรือน้อย การมีสติเตือนตนเสมอว่า เลือกชิ้นงานที่คุณชอบจริง ๆ ในงบประมาณที่คุณซื้อได้คือสิ่งที่ดีที่สุด ถ้าคุณเจองานศิลป์บางชิ้นที่ชอบมากแต่เกินงบ คุณควรยอมเสียเวลาหาชิ้นที่คุณชอบพอๆกันในงบที่คุณที่ซื้อได้ แทนการเลือกงานราคาถูก ๆ ที่คุณซื้อได้ แต่ไม่ชอบมาก หรือซื้อตามที่คนอื่นบอกว่าดีแต่คุณไม่ได้ชอบมันจริง ๆ เพราะถ้าคุณลงทุนกับการซื้อศิลปะที่คุณไม่ได้รับความพึงพอใจ คุณก็ ‘ขาดทุน’ ทันทีที่ซื้อ จงเลือกด้วยอารมณ์ สัญชาตญาณ แต่ต่อรองราคาด้วยสมอง อย่าเลือกด้วยสมองและต่อรองราคาด้วยอารมณ์ 2. สเกลที่ใช่ – พยายามเลือกสเกลงานที่เหมาะกับขนาดที่ติดตั้งในบ้านของคุณ บ่อยครั้งที่ความงามของงานศิลปะแต่ละชิ้นขึ้นอยู่กับระยะของการมองเห็นหรือชื่นชม งานบางชิ้นเป็นงานสเกลใหญ่ต้องการพื้นที่กว้างหรือเพดานที่สูงเป็นพิเศษเพื่อการติดตั้งและชมจากระยะไกล หากนำมาติดตั้งในพื้นที่เล็กจะดูไม่สวยงามเท่าที่ควร และในทางกลับกัน งานสเกลเล็กที่มีรายละเอียดเหมาะสำหรับชมในระยะใกล้ ก็ย่อมไม่เหมาะกับพื้นที่ขนาดใหญ่เกินไป ก่อนจะเทใจให้กับงานศิลป์ชิ้นใดอย่าลืมถามใจดูก่อนว่ามีที่วางหรือเปล่า เว้นแต่คุณจะสามารถซื้อบ้านหลังใหม่ได้เพื่อติดงานที่ชอบ ก็ไม่ว่ากัน 3. สไตล์ที่ลงตัว – ความเข้ากันได้เป็นเหตุผลหนึ่งของความงาม ซึ่งความเข้ากันได้นี้อาจจะมาจากความขัดแย้งหรือกลมกลืนก็แล้วแต่รสนิยมของผู้เลือกและผู้ชม แต่ทางที่ดี ก็ควรเลือกชิ้นงานที่มีสีสัน รูปแบบ และสไตล์ เข้ากับลักษณะของบ้านหรือพื้นที่ติดตั้งเอาไว้เป็นพื้นฐาน เว้นเสียแต่ว่า คุณจะหลงใหลในงานชิ้นนั้นมาก และรู้สึกว่าวางยังไงก็ลงตัว ก็เป็นความสุขของคุณ เพราะเป็นบ้านคุณเอง ใครจะว่าอย่างไรได้ 4. อุปกรณ์เสริมเพิ่มคุณค่า – งานศิลปะบางชิ้นจะมีความสมบูรณ์แบบเมื่อมาพร้อมกรอบและอุปกรณ์สำหรับการติดตั้งที่เข้ากันได้ดีเท่านั้น จึงให้ความสำคัญกับการเลือกรูปแบบกรอบ (สำหรับงานจิตรกรรม) และเทคนิคการติดตั้ง (สำหรับงานประติมากรรม) ที่ส่งเสริมคุณค่าของงานและเข้ากับบ้านด้วย 5. ของแท้ดีที่สุด – หากคุณไม่ได้ตั้งใจซื้องานที่ผลิตซ้ำของศิลปินดัง ๆ ระดับโลก มาจำลองไว้ในบ้านด้วยความตั้งใจจะระลึกถึงศิลปินที่คุณชื่นชอบ (โดยรู้ดีอยู่แล้วว่าเป็นของจำลองหรือเลียนแบบ) ในการซื้อศิลปะมาชื่นชมหรือลงทุนไม่ว่ากรณีใด ๆ ต้องเลือกซื้อเฉพาะงานที่เป็นของแท้ หรือ Limited Edition เท่านั้น จึงจะถือว่าสมบูรณ์ทั้งคุณค่าและมูลค่า เพราะนอกจากคุณจะได้ดื่มด่ำกับความออริจินัลของชิ้นงานแล้ว การเก็บงานศิลป์ที่เป็นของแท้ผ่านระยะเวลาไปนาน ๆ จะเพิ่มมูลค่าในตัวเอง ในขณะที่ของปลอมนั้นไม่มีราคา 6. เลือกศิลปิน – ถ้าคุณตั้งใจจะสะสมงานศิลปะที่มีคุณค่าทางจิตใจและมูลค่าไปพร้อมๆกับการตกแต่งบ้าน ควรศึกษาข้อมูลของศิลปินที่คุณชอบให้ละเอียด แล้วติดตามซื้องานเด่น ๆ ของศิลปินคนนั้น จะทำให้ทุกชิ้นงานของคุณมีเรื่องราวของผู้สร้างสรรค์การันตีอยู่เบื้องหลัง แม้จะเป็นศิลปินไม่ดังก็ไม่เป็นไร 7. มองหาช้างเผือกและเพชรในตม – แหล่งหาซื้องานศิลปะชิ้นงานในราคาไม่แพง และมีโอกาสจะเพิ่มมูลค่าในระยะยาวได้มากคือแหล่งผลิตงานของบรรดาศิลปินรุ่นใหม่ จากการเยี่ยมชมสถาบันการศึกษาด้านศิลปะและซื้องานของศิลปินที่มีผลงานโดดเด่นแม้จะยังไม่มีชื่อเสียงนัก โดยนอกจากจะเลือกคนที่ทำงานในแบบที่เราชอบแล้ว ก็เลือกคนที่มีผลงานต่อเนื่องสม่ำเสมอ และมีพลังในการสร้างสรรค์ชัดเจนซึ่งดูไม่ยาก หรือถ้าไปซื้องานนักศึกษาก็ถามอาจารย์ผู้สอนก็ได้ ว่าคนไหนที่ฝีมือดีเป็นพิเศษ 8. ล่ารางวัล – ถ้าคุณเป็นทั้งคนรักศิลปะและนักลงทุนในศิลปะ การติดตามข่าวสารการประกวดและซื้องานที่ได้รางวัล นอกจากคุณจะมีโอกาสสูงในการได้เป็นเจ้าของงานชิ้นเอกจากศิลปินเก่ง ๆ อนาคตไกลแล้ว งานของศิลปินเหล่านั้นจะมีโอกาสในการเพิ่มมูลค่าจากชื่อเสียงและรางวัลจากการประกวดสำคัญ ๆ และถ้าศิลปินประคองชื่อเสียงได้ดีจนถึงบั้นปลายของชีวิต เมื่อศิลปินจากไปแล้วงานนั้นก็จะยิ่งเพิ่มค่าอีกหลายเท่า 9. หาให้ถูกแหล่ง จะได้ของดีราคาดี – งานศิลปะชั้นดีไม่จำเป็นต้องมีราคาสูงลิบลิ่วเสมอไปหากซื้อได้ถูกที่ การเลือกซื้อจากศิลปินโดยตรงจะช่วยลดค่าใช้จ่ายของแนวหน้าหรือแกลเลอรี แต่ถ้าคุณไม่รู้จักศิลปินโดยตรง ก็ควรเลือกจากแหล่งค้างานศิลปะที่เชื่อถือได้ว่าเป็นร้านที่ขายชิ้นงานของแท้ รวมถึงการไปประมูลหรือซื้อในงานนิทรรศการ ด้วยเทคนิคที่ว่ามานี้ คงจะทำให้คุณมั่นใจมากขึ้น กับการเลือกสรรงานศิลปะสวย ๆ มาตกแต่งบ้านและสะสมในฐานะที่เป็นการลงทุนระยะยาวที่มีรสนิยมและมีผลตอบแทนน่าสนใจอย่างหนึ่ง
0
14895
10 Best Bangkok’s Cafés in the Garden
ยุคนี้เป็นยุคที่เราสามารถทำงานหรือพักผ่อนอย่างมีความสุขได้ในบรรยากาศที่ดี แวดล้อมไปด้วยสิ่งสวยงาม อาหารอร่อย เครื่องดื่มรสเลิศ บริการเยี่ยม โดยไม่ต้องลงทุนลงแรงเยอะ เพราะมีคาเฟ่เก๋ ๆ เปิดรอรับเราอยู่มากมาย แต่สำหรับใครที่หลงรักคาเฟ่ในบรรยากาศธรรมชาติกลางสวนสวย ย่อมหมายถึงสิ่งที่พิเศษกว่าคาเฟ่ธรรมดา ๆ เรามี 10 คาเฟ่ที่คุณต้องกรี๊ดมาฝากกันค่ะ 1. The 66 Cottage - สุดยอดค่าเฟที่เป็นโอเอซิสแสนร่มรื่นใกล้สถานีรถไฟฟ้าอุดมสุข มีบริการอาหาร เบเกอรี่ และเครื่องดื่ม ให้เพลิดเพลินเต็มที่ในสวนสวย เหมาะที่จะย่องมาแอบนั่งเพลิน ๆ ช่วงบ่ายถึงเย็น ในบริเวณร้านมีร้านสไตล์ออร์แกนิคและเปิดเป็นตลาดนัดออร์แกนิคในวันสุดสัปดาห์ ที่ตั้ง : ถ.สุขุมวิท ซอย 66 ขับตรงเข้าไปท้ายซอยจะเห็นร้านอยู่ขวามือ มีที่จอดรถสะดวกสบาย ราคา : 70 - 150 บาท เปิดบริการ : ทุกวัน 10.00 - 19.00 เบอร์โทร : 086 - 895 - 0202 2. บ้านก้ามปู ทรอปิคอล แกลเลอรี แอนด์ คาเฟ (Bankampu Tropical Gallery&Cafe) - คนรักสวนแบบจริงจังต้องมาร้านนี้ เพราะนอกจากจะเป็นร้านเก๋ๆ สำหรับกินดื่ม นั่งพักผ่อนหย่อนใจในบรรยากาศทรอปิคัลแล้ว ยังเป็นแหล่งความรู้เกี่ยวกับสวนเมืองร้อน ที่รวมพันธุ์ไม้ไว้ให้คนรักธรรมชาติชมและช้อปกลับไปปลูกที่บ้านได้ด้วย ที่ตั้ง : 5/61 ซอยนวมินทร์ 111 แขวงนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม (ถ้าขับรถเข้าทางฝั่งถนนเลียบทางด่วนจะใกล้กว่า) ราคา : 80 - 200 บาท เปิดบริการ : ทุกวัน 9.00 - 18.30 เบอร์โทร : 02 - 946 - 6016 3. ไล - บรารี - อาจจะไม่ใช่ร้านที่จะมาเหยียดแข้งเหยียดขาชิล ๆ เรื่อยเปื่อย เพราะพื้นที่ร้านข้างในค่อนข้างจำกัด แต่เรื่องความเท่ของการออกแบบ และบรรยากาศของสวนนั้นโดดเด่นไม่เบา บริการอาหารว่าง เครื่องดื่ม ทั้งชากาแฟและเมนูสมูทตี้ต่าง ๆ เหมาะสำหรับหนุ่มสาวฮิปสเตอร์หรือฟรีแลนซ์ที่พกแล็ปท็อปหรือแท็บเล็ตมานั่งเล่นหาไอเดีย คิดงานเพลิน ๆ เลือกนั่งได้ทั้งในร้านและลานใต้ร่มไม้หน้าร้าน ที่ตั้ง : ถ. สุขุมวิท ซอย 46 เมื่อเข้าซอยจากถนนสุขุมวิทให้เลี้ยวเข้าซอยแยกด้านซ้ายทันที ร้านจะอยู่ทางขวามือ ในโครงการมีที่จอดรถ หรือลงรถไฟฟ้าสถานีพระโขนงแล้วเดินเข้าซอย 46 แค่นิดเดียวก็สะดวกดี ราคา : 135 - 200 บาท เว็บไซต์ : www.facebook.com/librarycafe/ 4. The Garden of Dinsor Palace - ร้านสวยในบรรยากาศหรูบริการดีเลิศใกล้เอกมัย เสิร์ฟอาหารตะวันตก ตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ปรับปรุงจากวังเก่าอายุกว่า 80 ปี เคยเป็นที่ประทับของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารำไพประภา พระธิดาในสมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีทั้งโซนภายในและภายนอก เหมาะทั้งมานั่งดื่มและดินเนอร์ ที่ตั้ง : ถ.สุขุมวิท ระหว่างซอย 59 กับ 61 ราคา : 120 – 600 บาท เปิดบริการ : ทุกวัน 8.00 - 23.00 เบอร์โทร : 02 - 714 - 2112 5. The Hey 53 Coffee & Kitchen - ร้านนั่งสบายบรรยากาศแวดล้อมด้วยสวนร่มรื่นในย่านพระราม 9 ไว้นั่งทอดอารมณ์ยามบ่าย ครบถ้วนทั้งอาหาร อาหารจานเดียวและอาหารตามสั่ง เป็นอาหารฝรั่งแนวฟิวชั่น และเบเกอรี่ต่าง ๆ ตกแต่งสไตล์ลอฟต์ เลือกนั่งได้ทั้งข้างนอกข้างใน หรือถ้าจะมานัดประชุมกับลูกค้า ก็มีห้องประชุมไว้บริการพร้อมฟรี Wi-Fi กลางคืนมีไวน์และค็อกเทลสำหรับคนชอบสังสรรค์ ที่ตั้ง : ถ.พระราม 9 ซอย 53 สวนหลวง ราคา : 100 - 250 บาท เปิดบริการ : ทุกวัน 9.00 - 22.00 เบอร์โทร : 081 - 134 - 2250 6. 99 Rest Backyard Cafe’ - สถานที่สวยและอาหารก็น่าสนใจ มีเมนูหลากหลายมากทั้งอาหารไทยและนานาชาติ เสิร์ฟในสไตล์หรูหรา จัดจานมาสวยงามสร้างสรรค์ไม่แพ้ไปดินเนอร์ในโรงแรม มีอาหารว่างเก๋ ๆ อย่าง หมูย่างใบชะพลู ไก่ย่างขมิ้น ผัดสะเต๊ะไก่ และโฮมเมดพิซซ่า เหมาะทั้งสังสรรค์ยามบ่ายและดินเนอร์แบบจริงจัง ตกแต่งประณีตทั้งภายนอกภายใน ที่ตั้ง : ถ.พระรามเก้า ซอย 41 สวนหลวง (ตั้งอยู่หน้าโครงการหมู่บ้าน 99 Residence บนถนนพระราม 9) ราคา : 250 - 500 บาท เปิดบริการ : ทุกวัน 10.00 - 23.00 เบอร์โทร : 02 - 300 - 4339 7. ปฐม – Patom Organic Living - คาเฟ่ออร์แกนิคบรรยากาศเรียบเท่กลางสวนสวย แต่กลายเป็นหรูสะบัดเพราะตั้งอยู่ย่านทองหล่อ น่าประทับใจ ทั้งการออกแบบสถาปัตยกรรม การตกแต่ง การจัดสวน เมนูอาหาร-เครื่องดื่มสูตรออร์แกนิค และสินค้าอาหารออร์แกนิคในร้านเป็นผลผลิตมาจากออร์แกนิคฟาร์มแบรนด์ Patom ที่เจ้าของผลิตเองจากสวนสามพราน ร้านเก๋นั่งสบายทั้งภายนอกภายใน ถ่ายรูปเพลินแทบไม่อยากกลับ ที่ตั้ง : ซ.สุขุมวิท 49/6 (ซอยพร้อมภักดิ์) คลองตันเหนือ เขตวัฒนา ราคา : 80 – 200 บาท เปิดบริการ : ทุกวันยกเว้นวันจันทร์ 9.00 - 18.30 เบอร์โทร : 098 - 259 - 7514 8. Plantation Café - ด้วยแรงบันดาลใจจากคาเฟ่ในเมลเบิร์น นำมาสู่คาเฟ่สุดชิคที่ดัดแปลงมาจากโรงงานทอผ้า บรรยากาศร่มรื่นในเรือนกระจก แวดล้อมด้วยสวนสวยอลังการสไตล์อังกฤษ นอกจากจะเหมาะกับการมานั่งจิบกาแฟ ก็มีบริการอาหารสไตล์ยุโรป ราคาอาจจะดูเหมือนแพงหน่อย แต่ถ้าได้เห็นสถานที่แล้วจะรู้สึกว่าโอเคมาก ๆ ที่ตั้ง : 26/1 ซอยคลองลำเจียก ถ.ประดิษฐ์มนูธรรม คลองกุ่ม (อยู่ในโครงการ THE PUD ก่อนถึงเลียบด่วน) ราคา : 250 - 500 บาท เปิดบริการ : 11.00 - 23.00 เบอร์โทร : 084 - 670 - 6772 9. Wood Café and More - คาเฟ่เท่ ๆ ในอารมณ์อินดี้ ขายอาหารเอเชียนฟิวชั่นสไตล์โฮมเมด ทั้งมื้อกลางวัน มื้อค่ำ รวมทั้งชากาแฟและเครื่องดื่ม บรรยากาศเป็นกันเองเหมือนมาเที่ยวบ้านเพื่อนสนิท ตกแต่งด้วยไม้ และการจัดสวนโดยรอบที่ร่มรื่นด้วยต้นไม้พื้นถิ่นและวัสดุแบบไทย ผ่อนคลายน่านั่ง เหมาะจะไปกับเพื่อนฝูง หรือจะพาครอบครัวพร้อมเด็ก ๆ เพราะเป็นร้านที่มีรายละเอียดน่ารักมากมาย เด็ก ๆ น่าจะชอบ ที่ตั้ง : 44 ซอยลาดพร้าว - วังหิน 48 เปิดบริการ : ทุกวันยกเว้นวันศุกร์ 11.30 - 21.00 เบอร์โทร : 095 - 807 - 7555 10. Karmakamet Diner - ชื่อแบรนด์เป็นธุรกิจขายเครื่องหอมที่โด่งดัง แต่พอมาในส่วนของร้านอาหารก็ทำได้เยี่ยมยอด เป็นจุดนัดพบของเซเลบในย่านสุขุมวิท สถานที่สวยจัดทั้งภายใน ภายนอก เหมาะมาดื่มและชิมอาหารอร่อย และถ่ายรูปเช็คอินได้เริดทุกองศา ขายอาหารฝรั่งระดับพรีเมียม และของหวานที่เด็ดมากจนเป็นที่เลื่องลือในหมู่นักชิม ขายอาหารเช้าที่เสิร์ฟทั้งวันเรื่อยไปจนถึงเมนูดินเนอร์ กลิ่นในร้านก็หอมไม่เหมือนใครเพราะเขาขายเครื่องหอมด้วย ที่ตั้ง : 30 ซอยเมธีนิเวศน์ สุขุมวิท 24 ราคา : 300 - 600 บาท เปิดบริการ : ทุกวัน 10.00 - 23.30 เบอร์โทร : 02 - 262 - 0700 - 1
0
6153
ตลาดต้นไม้ใกล้บ้านสำหรับคนรักสวน
ใครที่รักต้นไม้ ชอบจัดสวนด้วยตัวเอง เรามีแหล่งช้อปต้นไม้ที่น่าสนใจมาฝากกันค่ะ บ้านใครอยู่ใกล้ที่ไหนก็ไปที่นั่นได้เลย 1. ตลาดนัดสวนจตุจักร – เป็นศูนย์รวมแหล่งพันธุ์ไม้และอุปกรณ์จากสวนจากทุกจังหวัด ที่มีพ่อค้าแม่ขายพร้อมใจกันมาตั้งแต่เย็นค่ำวันอังคาร เปิดขายเรื่อยไปจนถึงเที่ยงวันพฤหัสตลาดก็จะวาย มีทุกสิ่งให้เลือกสรรสำหรับนักจัดสวน ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ ปุ๋ย ของแต่งสวน ราคาไม่แพง มีที่จอดรถสะดวกสบายทั้งกลางแจ้งและในอาคาร ถ้าไม่ซื้อของใหญ่สามารถไปได้สะดวกด้วย BTS และ MRT 2. ตลาดต้นไม้ราบ 11 – มีชื่อเป็นทางการว่า โครงการไม้ดอกไม้ประดับ ร.11 พัน 2 รอ. อยู่ใกล้วงเวียนหลักสี่ ตรงข้ามวัดพระศรีมหาธาตุบางเขน เป็นแหล่งซื้อต้นไม้ทุกประเภท ตั้งแต่ไม้ขนาดเล็กในถุงจิ๋ว ๆ เรื่อยไปจนถึงไม้ล้อมที่เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ พืชผักสวนครัวก็มี ขายวัสดุอุปกรณ์แต่งสวนทุกชนิดในราคาย่อมเยา และมีบริการรับจัดสวน เปิดทุกวัน ระหว่าง 8.00 - 16.00 น. ข้อดีของการมาซื้อของที่นี่คือไม่ต้องต่อราคา เพราะทุกร้านขายราคาเดียวกัน แต่ถ้าวันไหนอากาศร้อนมาก ๆ อาจไม่เจอแม่ค้าเพราะเขาหนีไปหลบร้อน ต้องโทรเรียกตามเบอร์ที่ติดไว้หน้าร้าน ที่จอดรถสะดวก เอารถไปจอดใกล้ ๆ แล้ว เดินเลือกซื้อ จ่ายสตางค์เสร็จก็ค่อยไปวนรถมารับของสบาย ๆ 3. ตลาดนัดธนบุรี (สนามหลวง 2) – ตั้งอยู่บนถนนเลียบคลองทวีวัฒนา การเดินทางจากถนนบรมราชชนนี มุ่งหน้าไปทางนครปฐม เมื่อผ่านถนนพุทธมณฑล 3 ก็จะเจอทางเลี้ยวเข้าถนนเลียบคลองทวีวัฒนา ตลาดแห่งนี้มีของขายหลายอย่าง มีความหลากหลายไม่แพ้สวนจตุจักร และเป็นตลาดต้นไม้ที่ได้ชื่อว่าใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ มีขายต้นไม้ ไม้ประดับ กล้วยไม้ และอุปกรณ์เกี่ยวกับสวนทุกประเภทในราคามิตรภาพ บนพื้นที่ 110 ไร่ มีที่จอดรถกว้างขวาง เปิดขายทุกวัน ตั้งแต่ 9.00 - 18.00 น. ถ้าเป็นวันเสาร์ - อาทิตย์ช่วงบ่าย คนจะคึกคักมาก ถ้าจะมาเดินซื้อต้นไม้แบบสงบ ๆ แนะนำให้ย่องมาวันธรรมดา 4. ตลาดต้นไม้บางใหญ่ - บางบัวทอง – อยู่บนถนนกาญจนาภิเษก (ตลิ่งชัน - สุพรรณบุรี) แหล่งรวมไม้ดอกไม้ประดับ อุปกรณ์จัดสวน อุปกรณ์การเกษตร สัตว์เลี้ยง ปลาสวยงาม อุปกรณ์ตกแต่งสวน นอกจากจะมีร้านขายต้นไม้ กับร้านขายอุปกรณ์ ก็ยังมีบริการออกแบบจัดสวนด้วย แต่ละร้านเขาจะจัดเป็นสวนหย่อมเล็ก ๆ โชว์ฝีมือไว้ด้านหน้าให้เห็นสไตล์ของใครของมัน มีพันธุ์ไม้หลายชนิด รวมทั้งไม้ยืนต้น ขายในราคากลาง ๆ ไม่แพงไปกว่าสนามหลวง 2 หรือราบ 11 แต่อาจจะแพงกว่าการไปซื้อในย่านชานเมืองไกล ๆ อย่างคลองรังสิตหรือในสวนลึก ๆ เหมาะสำหรับคนที่สะดวกจะเดินทางมาย่านนี้และต้องการหานักจัดสวนที่มีไอเดียก็จะมีให้เลือกได้สบายใจ 5. ตลาดต้นไม้เทเวศวร์ (ตลาดเทวราช) – เป็นแหล่งซื้อต้นไม้ที่ดั้งเดิมของกรุงเทพฯ ตั้งอยู่บนถนนสามเสนระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงก์ชาติ) วังบางขุนพรม และหอสมุดแห่งชาติ เป็นตลาดสดเก่าแก่ริมฝั่งคลอง นอกจากจะมีของกินอร่อยหลายอย่าง ยังมีแหล่งจำหน่ายไม้ดอกไม้ประดับอยู่ริมคลองผดุงกรุงเกษม ซึ่งตอนนี้รัฐบาลก็ได้ชุบให้ฟื้นกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง มีร้านค้าไม้ดอกไม้ประดับอยู่ประมาณ 20 ร้าน แม้จะไม่ใช่แหล่งใหญ่ แต่ตลาดเทเวศร์นี้ก็มีร้านต้นไม้และอุปกรณ์สวนครบครัน ตั้งแต่ ไม้เล็ก ไม้ใหญ่ สวนถาด กระถาง เครื่องปลูก เครื่องมือทำสวน ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง น้ำพุ น้ำตก เปิดขายทุกวันตั้งแต่ 7.00 - 19.00 น. แต่ถ้ามาวันหยุดเสาร์อาทิตย์จะมีบรรยากาศคึกคักน่าเดินกว่าวันธรรมดา แนะนำว่าควรไปรถสาธารณะ ไม่ต้องลำบากหาที่จอดรถ 6. ศูนย์ท่องเที่ยวและจำหน่ายไม้ดอกไม้ประดับ นนทบุรี – ตั้งอยู่ริมถนนรัตนาธิเบศร์ย่านเมืองนนท์ ในจุดที่ใคร ๆ เรียกกันติดปากว่า ‘ซอยช้าง’ เป็นพื้นที่ขายต้นไม้และวัสดุอุปกรณ์แต่งสวนขนาดประมาณ 20 ไร่ เปิดทุกวันตั้งแต่ 8.00 - 18.00 น. บรรยากาศดี หลายจุดตกแต่งได้อารมณ์เก๋ ๆ ชิค ๆ นอกจากมาซื้อต้นไม้แล้วก็เดินเล่นได้สบาย ๆ ร่มรื่นสวยงาม สามารถเดินทางไปได้โดยรถส่วนตัวหรือนั่งรถไฟฟ้าไปลงสถานีรถไฟฟ้าบางรักน้อย ถึงจะไกลจากย่านใจกลางกรุงแต่เดินทางสะดวกมาก เป็นลักษณะของชุมชนคนรักต้นไม้มากกว่าจะเป็นตลาดที่เน้นขายอย่างเดียว ใครมาแล้วจะชอบอยากมาอีก เพราะนอกจากมีไม้ประดับแปลก ๆ สวย ๆ มากมาย ยังมีร้านของนักออกแบบจัดสวนเก่ง ๆ มารวมตัวโชว์ผลงานกันอยู่ในย่านนี้เพียบ 7. ตลาดน้ำตลิ่งชัน – นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะรู้จักตลาดน้ำตลิ่งชันในฐานะที่เป็นแหล่งกินแหล่งช้อปในบรรยากาศพื้นถิ่นดั้งเดิม แต่คนรักต้นไม้จะรู้ว่า ระหว่างทางเดินเข้าตลาดน้ำสองข้างทางเป็นแหล่งขายต้นไม้ จะมีร้านขายต้นไม้ดอกไม้ประดับและไม้สมุนไพร และอุปกรณ์แต่งสวนที่น่าแวะมาช้อปและชมอีกแห่งหนึ่ง มีการจัดเป็นสวนหย่อมสวย ๆ ไว้หย่อนใจเป็นระยะ ๆ คลายเหนื่อยคลายร้อน แวดล้อมไปด้วยบรรยากาศของชีวิตชาวบ้านพื้นถิ่นแบบไทย ๆ ดั้งเดิม ที่น่าสนใจคือมีต้นพันธุ์ของไม้ผลที่ปลูกและขยายพันธุ์เป็นพืชพื้นถิ่นในย่านนี้ให้เลือกซื้อหลายชนิด ตลาดเปิดเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์ โดยวันเสาร์จะขาย 9.30 - 16.00 น. และวันอาทิตย์เปิด 14.30 - 16.30 น. อาจจะไม่ใช่แหล่งซื้อต้นไม้ใหญ่ แต่เหมาะสำหรับเที่ยวไปช้อปไปกินไปแบบเพลิน ๆ มากกว่า 8. ตลาดต้นไม้ศรีนครินทร์ – เป็นทำเลซื้อต้นไม้ขนาดย่อม ๆ สำหรับแต่งบ้านแต่งคอนโดฯ ยอดนิยมของคนย่านศรีนครินทร์ - บางนา มีร้านไม้ประดับตั้งเรียงรายอยู่ริมถนนศรีนครินทร์ เริ่มจากแยกอุดมสุขเรื่อยไปจนเกือบถึงแยกอ่อนนุช ด้านหน้าเป็นโซนไม้ดอก - ไม้ประดับขนาดเล็กและกลาง ด้านในมีไม้ยืนต้นและมีขายหญ้าสำหรับปูสนามและอุปกรณ์จัดสวนครบครัน ราคาอาจแพงกว่าย่านชานเมือง แต่สะดวกในการเดินทาง ทุกร้านเปิดตั้งแต่ 8.00 - 18.00 น. เปิดขายทุกวัน 9. ตลาดต้นไม้คลองตัน – เป็นตลาดเล็ก ๆ พื้นที่ประมาณ 1 ไร่ ตั้งอยู่ในย่านคลองตัน ถนนสุขุมวิท 71 ตรงซอยปรีดีพนมยงค์ 38 เป็นทำเลกลางกรุง อยู่ไม่ไกลรถไฟฟ้า ราคาขายก็จะสูงกว่าย่านชานเมือง แต่สะดวกสำหรับคนที่ไม่อยากขับรถไกล มีขายไม้ประดับขนาดกลาง ขนาดเล็ก และไม้ดอก รวมทั้งตะบองเพชร และมีอุปกรณ์แต่งสวน ดิน หิน ปุ๋ย กระถาง ฯลฯ ครบถ้วน มีบริการรับออกแบบจัดสวนด้วย เปิดทุกวันตั้งแต่ 8.00 - 17.00 น. 10. ตลาดต้นไม้ริมถนนเลียบทางด่วนเอกมัย - รามอินทรา – เป็นแหล่งซื้อขายต้นไม้ที่มีร้านขายต้นไม้และอุปกรณ์ทำสวนตั้งเรียงรายกันริมถนนใหญ่ หาที่จอดรถเหมาะ ๆได้แล้ว ก็เดินช้อปไปตามทางเดินด้านหน้าร้านที่เป็นฟุตบาธสาธารณะกว้าง ๆ มีไม้ประดับและของแต่งสวนเก๋ไก๋สะดุดตา แต่ราคาก็จะค่อนข้างสูงไปตามทำเลและความเท่ของสินค้า เหมาะกับคนที่มีเวลาน้อย อยากได้ของสวย ๆ ที่ไม่ต้องไปซื้อไกล ไม่ว่าจะเป็นไม้ดอกในกระถาง ไม้ประดับและไม้พุ่มขนาดกลาง ผักสวนครัว กล้วยไม้ โอ่ง กระถาง ตุ๊กตาเซรามิก น้ำพุ ที่มีดีไซน์แปลกตา และเฟอร์นิเจอร์ไม้ธรรมชาติ ย่านนี้จะไม่ใช่แหล่งซื้อไม้ยืนต้นหรือไม้ล้อมขนาดใหญ่ เพราะพื้นที่ขายมีจำกัด เหมาะกับการซื้อของจัดสวนหย่อมขนาดเล็กและกลาง เปิดขายทุกวันตั้งแต่เช้าจรดเย็น ถ้าเป็นวันหยุดจะมีคนคึกคัก
0
1420
การตรวจความคืบหน้าการก่อสร้างคอนโดมิเนียม โครงการ เดอะ สเตจ เตาปูน - อินเตอร์เชนจ์
คุณสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานกรรมการผู้บริหาร และคุณณัฏฐพร กลั่นเรืองแสง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจจัดสรรและคอนโดมิเนียม บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ได้เข้าตรวจความคืบหน้าการก่อสร้างคอนโดมิเนียม โครงการ เดอะ สเตจ เตาปูน - อินเตอร์เชนจ์ ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการก่อสร้างโครงการ ในหมวดงานโครงสร้างไปแล้ว 99.48 % และจะสามารถเข้าอยู่ได้ในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งถือได้ว่าเร็วกว่ากำหนดที่ตั้งเป้าหมายไว้ และสำหรับลูกค้าท่านใดที่สนใจคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า 2 สาย (สีม่วง - สีน้ำเงิน) โครงการ เดอะ สเตจ เตาปูน - อินเตอร์เชนจ์ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 1232 กด 19 หรือ www.thestagecondo.com
<<
<
26
27
28
29
30
31
32
33
34
35
>
>>
เงินผ่อน
เงินกู้
บาท
ปี
%
คำนวณ
เริ่มใหม่
อัตราผ่อนต่อเดือน
บาท
บาท
ปี
%
การคำนวณนี้เป็นการประมาณยอดเงินกู้ได้สูงสุด 35% ของรายได้สุทธิ*
คำนวณ
เริ่มใหม่
อัตราผ่อนต่อเดือน
บาท
เงินกู้
บาท
Real Asset Application