5 เรื่องที่ต้องรู้ สำหรับผู้ที่ต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีจากการบริจาคเงินช่วยเหลือเหตุการณ์น้ำท่วม
สถานการณ์น้ำท่วมของประเทศไทย ในปี 2560 ได้สร้างความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมาก ซึ่งได้เริ่มมาตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ภาคใต้ จนมาถึงภาคเหนือและอีสาน ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมเช่นกัน ทำให้ธารน้ำใจจากองค์กรและหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ได้ไหลหลั่งไปช่วยผู้ประสบอุทกภัยอย่างไม่ขาดสาย รวมทั้งเงินบริจาคที่รวบรวมได้จากพี่น้องชาวไทยทั่วทุกสารทิศ
นั่นจึงทำให้กระทรวงการคลังออกมาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยให้สิทธิ์ผู้บริจาคสามารถนำเงินหรือมูลค่าทรัพย์สินที่ได้บริจาคเพื่อช่วยเหตุการณ์น้ำท่วม มาหักเป็นค่าลดหย่อน หรือหักเป็นรายจ่ายในการเสียภาษีได้
สำหรับคนที่มีภาระต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาทุกปี และตั้งใจที่จะบริจาคเงินเพื่อช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมอยู่ด้วยแล้ว อาจเลือกใช้สิทธิ์ส่วนนี้เพื่อเป็นค่าลดหย่อนภาษีในปี 2560 ได้เช่นกัน ส่วนจะต้องบริจาคภายในวันที่เท่าไร หรือใช้หลักฐานอะไรบ้างนั้น เราขอรวบรวมคำถามต่าง ๆ มาชี้แจงให้ได้ทราบกัน
บริจาคเงินช่วยเหลือน้ำท่วมช่วงไหน ถึงได้สิทธิลดหย่อนภาษี ?
กรมสรรพากรระบุว่า ต้องเป็นการบริจาคเงินหรือทรัพย์สิน (กรณีนิติบุคคล) เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในปี 2560 แบ่งออกเป็น 2 ช่วงด้วยกัน คือ
- ผู้ประสบอุทกภัยในภาคใต้ ระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 31 มีนาคม 2560
- ผู้ประสบอุทกภัยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ ระหว่างวันที่ 5 กรกฎาคม - 31 ตุลาคม 2560
ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ในปีไหน ?
เงินบริจาคนี้จะสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของปีภาษี 2560 ซึ่งจะยื่นรายการภายในเดือนมกราคม-มีนาคม 2561
ได้สิทธิลดหย่อนภาษีเท่าไร ?
- กรณีบุคคลธรรมดา สามารถนำจำนวนเงินที่ได้บริจาคไปหักลดหย่อนในการคำนวณเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ 1.5 เท่า แต่เมื่อรวมกับเงินบริจาคอื่นแล้วต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้พึงประเมินหลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน
ตัวอย่างเช่น หากเราบริจาคเงินช่วยเหลือไป 1,000 บาท จะสามารถหักค่าลดหย่อนได้ 1.5 เท่า คือ (1,000x1.5) เท่ากับ 1,500 บาท ถ้าเงินได้สุทธิของเราต้องเสียภาษีอยู่ในขั้น 5% เท่ากับว่าจะได้คืนภาษี 5% ของ 1,500 บาท คือ 75 บาท แต่หากฐานภาษีอยู่ที่ 30% เท่ากับว่าจะได้คืนภาษี 30% ของ 1,500 บาท คือ 450 บาท
- กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สามารถนำจำนวนเงินหรือมูลค่าทรัพย์สินที่บริจาคไปหักเป็นรายจ่ายได้ 1.5 เท่า แต่เมื่อรวมกับรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์แล้วต้องไม่เกินร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิ
ต้องบริจาคหน่วยงานไหนถึงได้สิทธิลดหย่อนภาษี ?
กรมสรรพากรระบุว่าต้องเป็นการบริจาคให้ผู้รับบริจาคดังนี้
- ส่วนราชการ มูลนิธิ องค์กรหรือสถานสาธารณกุศลที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย
- ตัวแทนรับบริจาคที่เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่น ที่ได้ขึ้นทะเบียนแจ้งขอเป็นตัวแทนรับบริจาคกับกรมสรรพากร เช่น สถานีโทรทัศน์ หรือสถานีวิทยุ
ใช้หลักฐานอะไรเพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีบ้าง ?
- หลักฐานการรับเงิน หรือทรัพย์สิน ที่มีข้อความระบุว่าเป็นโครงการหรือเป็นการบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ โดยอาจระบุช่วงเวลาที่เกิดอุทกภัยไว้ด้วย
- หลักฐานการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารในช่วงระยะเวลาที่เกิดอุทกภัย ซึ่งพิสูจน์ผู้โอนและผู้รับโอนได้
สำหรับมาตรการภาษีครั้งนี้นอกจากจะเป็นการช่วยบรรเทาภาระภาษีแล้ว ยังเป็นการสนับสนุนให้มีการบริจาคเพื่อระดมความช่วยเหลือและฟื้นฟูสภาพความเป็นอยู่ให้แก่ผู้ประสบอุทกภัย และทำให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคมในเหตุอุทกภัยครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในประเทศ ซึ่งหากใครมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่ทุกพื้นที่ และศูนย์สารนิเทศสรรพากร โทร. 1161
***หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดเมื่อเวลา 11.50 น. วันที่ 2 สิงหาคม 2560
ที่มา : กรมสรรพากร, kapook.com
ขอบคุณภาพ : aphichato, Shutterstock.com, STR, AFP, bbc.com
------------------------------------------
ชมข้อมูลบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม โฮมออฟฟิศ คอนโดมิเนียม เพิ่มเติมได้ที่
Website : www.realasset.co.th
Facebook : www.facebook.com/RealAssetDevelopment
Instagram : www.instagram.com/realasset.development/
LINE@ : @realasset
Call Center : 1232